12 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา ตีสาม ผมค่อย ๆ คืบคลานไปปิดนาฬิกาปลุก ก่อนที่จะพาร่างไร้วิญญาณไปแปรงฟัน อาบน้ำ วันนี้ผมมีรายการวิ่ง กรุงเทพมาราธอน 2554 ที่ต้องเลื่อนมาจากปลายปีที่แล้วเนื่องจากเหตุการณ์มหาอุทกภัย นี่จะเป็นรายการวิ่งแข่งขันครั้งแรกของผมในรอบเกือบยี่สิบปี ในการแข่งครั้งนี้ผมต้องซื้ออุปกรณ์ใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยทีเดียว ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อเสริมความตื่นเต้นจากการได้เล่นของเล่นใหม่เหล่านี้ ผมออกจากห้องน้ำเพื่อมาสวมใส่ชุดแข่งขันที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืน เป็นการเตรียมตัวเพื่อลดความฉุกละหุกของการตื่นเช้า
The Gears :
ชุดวิ่งต่างไปจากเมื่อยี่สิบปีที่แล้วเป็นอย่างมาก ชุดอดิอาสชุดนี้เป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกที่ผมมีของอุปกรณ์กีฬาค่ายใหญ่ค่ายนี้ ปัจจุบันดูเหมือนว่ากางเกงวิ่งจะขายาวขึ้นมาก หรือเป็นเพราะว่ามีคนหันมาวิ่งกันมากขึ้นจึงต้องออกแบบให้โดนใจคนหมู่มาก เมื่อก่อนนั้นกางเกงวิ่งทุกตัวที่ผมมีสั้นจู๋เห็นโคนขาแล้วยังผ่าไปจนเหลือด้านข้างเพียงนิ้วเศษ ๆ เท่านั้น เข้าใจได้เพราะเราไม่อยากให้มีอะไรมาขัดขวางการวิ่งของเรานั่นเอง แต่เมื่อกางเกงขายาวเช่นนี้ เทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญ ชุดนี้เป็นชุดที่อยู่ในระดับทอปของอดิดาสในเวลาที่ผมซื้อ ถักด้วยเส้นใย silver เพื่อช่วยในการถ่ายเทความร้อน ไม่รวมถึงระบบแห้งเร็ว moisture wicking และอื่น ๆ อีกมากมายลายตา ยี่สิบปีที่ผ่านมามันมีอะไรเปลี่ยนไปมากจริง ๆ ต่างจากคีเวิร์ด DriFit ของไนกี้ที่ผมคุ้นเคย
ผมสวมเสื้อยืดทับอีกตัวเพื่อไม่ให้ดูแปลกตาจนเกินไปนักสำหรับคนที่จะเดินออกจากบ้านตอนตีสามครึ่ง แล้วนั่งใส่รองเท้าไวแบรมห้านิ้ว (แล้วผมจะมาคุยทีหลัง) ก่อนที่จะคว้าหมวก Ironman ที่ผมได้ติดมือมาจากรายการ Ironman 70.3 ที่ภูเก็ต คว้าอุปกรณ์ทุกอย่างลงถุงแล้วรีบออกไปจับแทกซี่มุ่งไปหน้างานในทันที คนขับแทกซี่มองผมแปลก ๆ แล้วถามว่ามีอะไรกันเหรอพี่ ผมก็เล่าถึงรายการแข่งขันแล้วต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเองไป ผมหันไปจัดการกับอาหารเช้าที่เตรียมมาทั้งครัวซองค์และกล้วย คนขับเหลือบมองดูผมอีกครั้งราวกับสงสัยถึงสาเหตุที่แท้จริงของการใส่หมวกในเวลาตีสามเศษ ๆ ผมไม่ปล้นพี่หรอก ผมคิดในใจ
แม้ว่าในรายการแข่งขันวันนี้ผมน่าจะวิ่งเข้าเส้นในเวลาประมาณเจ็ดโมงเช้า ที่พระอาทิตย์ยังไม่ตื่นมาทำงานดี ผมก็ตัดสินใจที่จะคว้าหมวกใบนี้เข้าการแข่งขันกับผมด้วย หมวกที่ออกแบบมาสำหรับใส่วิ่งระยะไกลนั้น มีไอเดียที่ช่วยให้การวิ่งนั้นสบายขึ้นเยอะเมื่อเทียบกับหน้าที่หลักในการบังแดดของมัน แน่นอนว่าการใส่หมวกอาจจะทำให้หัวร้อนขึ้นเล็กน้อย แต่การใช้ผ้าทีี่มีใยปรุ และแห้งเร็วนั้นจะลดปัญหานี้ไปได้มาก หมวกสีขาวไม่ดึงดูดแสงมากไปกว่าสีผม หรือสีของหนังศีรษะในกรณีของผม แต่ปัจจัยสำคัญที่ผมนำมันมาด้วยในวันนี้คือ build-in sweat management headband หรือง่าย ๆ มันคล้าย ๆ กับสายรัดศีรษะที่นักเทนนิสเมื่อยี่สิบปีที่แล้วนิยมใช้กัน พอซ่อนมันไว้ในหมวก เทคโนโลยีโบราณนี้ก็เข้ากับยุคสมัยได้โดยง่าย สำหรับคนที่มีไม่ผมและคิ้วบางอย่างผม อุปกรณ์ชิ้นนี้สำคัญมาก ๆ ไม่มึใครอยากจะต้องมีปัญหาแสบตาจากเหงื่อ ในขณะที่ปัญหาหลัก ๆ ควรจะเกิดกับขาเพียงเท่านั้น
ผมมาถึงหน้างาน ฝากของและ warm up เล็กน้อย จัดการเรื่องห้องน้ำ เดินไปจุดปล่อยตัว และยืดเส้นยืดสายรอ เพื่อนผมเดือนเข้ามาทักทาย เราคุยกันเล็กน้อย ก่อนที่สัญญาณปล่อยตัวดังขึ้นผมวิ่งออกไปช้า ๆ ตามคนจำนวนมากที่ค่อย ๆ ขยายตัวออกไปจนเต็มถนน เสียงเพลงจังหวะกระชับช่วยให้ผมค่อย ๆ ทำเวลาไล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ จากจุดเริ่มต้นที่แออัด สำหรับคนที่เกิดมาในยุคของ Sony/Aiwa Walkman ผมไม่เคยคิดว่าจะสามารถพกพาเพลงลงแข่งขันวิ่งในระยะทางฮาล์ฟมาราธอนอย่างวันนี้ ในยุคก่อนนิตยสารวิ่งจะเขียนถึงการนับก้าว นับลมหายใจ นับต้นไม้ เรื่อยไปจนถึงท่องพุทโธ เพื่อดึงจิตใจของเราให้อยู่กับกิจกรรมซ้ำ ๆ อย่างนี้เป็นระยะเวลาสองชั่วโมง แต่ไม่ใช่วันนี้ ผมพก iPhone4s อายุไม่กี่เดือนของผมมาผจญภัยกับผมด้วย ต้องขอบคุณ H2O Audio Waterproof Armband ที่แม้ว่าจะใหญ่เทอะทะที่สุดในตลาด แต่กันน้ำ 100% เพียงพอที่จะทำให้ผมยอมมองข้ามความเทอะทะนั้นไป แต่ด้วยวัสดุนีโอปรีนและความเทอะทะของมันเองกลับทำให้การใส่อาร์มแบนด์นี้ มันสบายกว่าที่เห็นมากนัก ดนตรีอยู่กับผมทุกที่ที่ย่างไป
“You are behind your target pace 30 seconds” เสียงเตือนเบา ๆ แทรกผ่านเสียงดนตรี ส่งผ่านหูชั้นนอกของผมเข้าไปเตือนโสตประสาทที่เหลือ ผ่านไปเกือบสามในสี่ของการแข่งขันแล้ว ในหัวของผมสับสนเป็นอย่างมากเมื่อข้อมูลจากโคชที่ผมพกพามาด้วยในการแข่งขันครั้งนี้ ขัดแย้งกับข้อมูลที่ผู้จัดตั้งไว้ตามรายทางการแข่งขัน ใครถูกกันแน่วะเนี่ย ผมสบถ ความสนุกของการกลับมาซ้อมครั้งนี้ ครึ่งหนึ่งต้องยกให้เป็นผลงานของโคชที่ว่านี้เลยทีเดียว แทนที่จะลงทุนในระบบอื่น ๆ อย่างเช่น Garmin ผมเลือกที่จะใช้ Runkeeper ที่ลงใน iPhone4s ของผมเป็นโคชให้ผม น่าทึ่งว่าทุก ๆ ก้าวที่ผมวิ่งในรายการนี้ ถูกส่งอย่างสด ๆ ผ่านระบบ 3G ไปยังเวปไซท์ของรันคีปเปอร์ และครอบครัวผมสามารถมองเห็นผมในสนามแข่งขันทุก ๆ วินาทีถ้าต้องการ ผมไม่ได้ไปเที่ยวไหนแต่กำลังเหงื่อตกอยู่แถว ๆ สะพานพระรามแปด ภรรยาผมอาจจะสบายใจขึ้น ด้วยความช่วยเหลือของโปรแกรมต่อเชื่อม CycleLog ผมได้ข้อมูลที่ทำให้การแข่งขันหรือการซ้อมของผมสนุกขึ้นกว่ายี่สิบปีที่แล้วเป็นอย่างมาก “You are behind your ghost pace 1,450 meters” แม้ว่าผมจะวิ่งตามผีตัวนี้อยู่ตลอดก็ตาม ย้อนกลับไปยี่สิบปีที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อว่า ณ เวลานี้ผมกำลังสื่อสารกับดาวเทียมสามถึงสี่ดวงห่างออกไปกว่าหลายหมื่นกิโลเมตร บอกต่ำแหน่งของตัวเอง บันทึก คำนวณ ส่งข้อมูลผ่านระบบเซล 3G เข้าสู่เมนเฟรมของ รันคีปเปอร์ และ ไซเคิลลอค ที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่ง เพื่อประกาศข้อมูลเหล่านี้สด ๆ ลงในเวปไซท์ ให้ใคร ๆ ติดตามการกลับมาของผมในวันนี้ได้
ชุดกีฬาไฮเทค ที่ผมซื้อมาด้วยเงินสูงเกินความจำเป็นไม่ได้ perform ได้ดีอย่างที่คุยโม้ ทั้งเสื้อและกางเกงเปียกโชก แนบติดตัวและขาของผมอย่างน่ารำคาญ ขาสั้นจู๋ยังจะดีเสียกว่า ว่าแล้วว่าทำไมนักวิ่งเคนยาทั้งหมดที่วิ่งสวนไปตั้งแต่ผมเริ่มวิ่งได้ไม่นาน ล้วนแล้วแต่ใส่ขาสั้น ๆ กันทั้งนั้น ผมบ่นก่นด่า อาจจะเป็นเพราะหลาย ๆ อย่าง ณ ตอนนี้มันไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย ระยะทางจากดาวเทียม GPS ไม่ตรงกับระยะตามป้ายที่ผู้จัดรายการ ความเร็วที่ทำได้ที่คำนวณจากโคชไม่รู้ว่าแม่นยำแค่ไหน ไม่รู้ว่าใครหลอกใคร เครื่องดื่มเกลือแร่ที่ผู้จัดแจ้งว่าจะมีเสริมตั้งแต่ระยะ 16 กิโลเมตรเป็นต้นไป กลับมีเพียงที่ระยะ 16 กิโลเมตรเท่านั้น เสียงเพลงที่กรอกหู ณ ตอนนี้เหมือนตอกย้ำความซับซ้อน สับสน แต่ผมยังคงต้องวิ่งต่อไป ในกีฬาคนอึดความรู้สึกเหล่านี้จะมาหลอกหลอนเราให้หยุด ให้เลิกอยู่เสมอ เป็นการทดสอบของชีวิตที่เราได้รับการฝึกฝนให้เกร่งขึ้น
เสียงของเส้นชัยได้ยินมาไกล แต่แล้วเส้นทางวิ่งก็พาผมห่างออกไปอีกครั้ง ขาของผมหนักขึ้นเรื่อย ๆ ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าเป็นเพราะใจหรือร่างกาย มองดูเวลา ผมคำนวณไม่ถูกแล้วว่าผมจะทำได้หรือไม่กับเป้าหมาย เสียงเพียงดังขึ้นในหูของผมราวกับว่าเข้าใจ Yo Yo Ma บรรเลง unaccompanied cello suite ของ Bach แม้ว่าเป็นบทเพลงที่ผมรัก แต่ ณ เวลานี้มันเหมือนกับ soundtrack ของภาพยนต์ที่ตัวเอกของเรื่องกำลังสิ้นหวัง ในที่สุดกำแพงอันสวยงามก็อยู่ตรงหน้า ผมพยายามเร่งความเร็ว แต่ก็พบว่าหลาย ๆ คนเริ่มแซงผมราวกับผมยืนอยู่กับที่ เวลาสองชั่วโมงได้ผ่านไปแล้ว แม้ว่าตอนนี้เพลงได้เปลี่ยนไปเป็น Black Eyes Peas เร้าใจเต็มที่แล้ว แต่ในใจผมไม่เป็นสุขเท่าที่หลาย ๆ คนที่เส้นชัยคิดเมื่อเห็นผมค่อย ๆ วิ่งเข้าไป เสียงตบมือดังขึ้น ผู้ประกาศเรียกชื่อ “Nattapong Nithi-Uthai from Indonesia” เป้าหมายผมพังทลายไปแล้ว ผมวิ่งเข้าเส้นชัย ด้วยเวลา 2:02 “from Indonesia” ผมคิดในใจ มันเอามาจากไหนเนี่ย
ผมเดินตรงไปจนสุดทาง หาสนามหญ้าที่มุมเลี้ยวที่นักวิ่งที่เหลือทุกคนจะต้องวิ่งผ่าน ผมนั่งลงอย่างหมดแรง ผมถอดรองเท้าออกและมองมันอย่างภาคภูมิใจ ความสับสนจากสถิติที่น่าผิดหวังร่วมกับป้ายบอกระยะทางที่สุดแสนจะมั่วผ่านไปแล้ว ผมกลับวิ่งระยะทางนี้ได้เพราะรองเท้าคู่นี้จริง ๆ ไม่เสียแรงที่พยายามหาซื้อมาด้วยความยากลำบาก ประมาณ 12 ปีที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุทางหลังกับผม จนกระทั่งในที่สุดกลายเป็นอาการของโรคกระดูกเสื่อม และทำให้ผมต้องหยุดวิ่งไปเมื่อกว่า 5 ปีโดยเด็ดขาด หลังจากผมพยายามหากีฬาใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพาะกาย ปีนหน้าผา แต่กีฬาคนอึดแบบนี้ดูจะตอบโจทย์ผมได้มากกว่า หลังจากตัดสินใจว่าจะลองกลับมาวิ่งอีกครั้ง ผมค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เนทจนพบว่ามีการศึกษาที่บอกว่าการวิ่งด้วยปลายเท้า จะทำให้มีการกระแทกหลังส่วนล่างน้อยมาก ผมก็ลองทันทีด้วยรองเท้าแตะ เมื่อวิ่งสะสมไปสักหนึ่งร้อยกิโลเมตร ผมจึงตัดสินใจซื้อ Vibram Fivefingers ที่กำลังเป็นผู้นำในเทรนด์วิ่งปลายเท้าอยู่ในขณะนี้
แน่นอนว่าผมใช้ระยะเวลาปรับตัวอีกสักพักในการวิ่งด้วยปลายเท้า กล้ามเนื้อน่องและต้นขามีการใช้งานมากเป็นพิเศษและไม่ค่อยคุ้นเคย แต่เมื่อเพิ่มระยะทางมากขึ้นเรื่อย ๆ กล้ามเนื้อเหล่านี้ก็แข็งแรงขึ้นและไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป กระแสการวิ่งด้วยปลายเท้าก็กำลังมาแรง ต่อไปน่าจะหาข้อมูลการวิ่งในลักษณะนี้ได้เพิ่มเติมอีกมาก จาก ณ เวลานี้ ถ้าจะหาก็ใช้คำว่า pose running หรือ chi running ก็มีอะไรให้อ่านไม่รู้จบแล้ว อีกปัญหาหนึ่งที่ผมเป็นกังวลแต่อาจจะไม่มากเท่าคนอื่น ๆ ที่จะหันมาใช้รองเท้าคู่นี้ คือ การไม่ใส่ถุงเท้าวิ่ง การเลือกรองเท้า fivefingers ให้ถูกขนาดเป็นเรื่องสำคัญมาก ถึงขนาดมีข้อมูลในเวปที่สอนวิธีการวัดอย่างละเอียด ในเวปเน้นให้เลือกไซด์ตามที่วัดได้จริง ๆ ทั้งสองข้าง ผมจำเป็นต้องเลือกไซด์ของผู้หญิงที่มีความฟิตมากกว่าไซด์ผู้ชาย ถ้าใครเท้าไม่เท่ากันเขาแนะนำให้ซื้อสองคู่เสียด้วยซ้ำ เมื่อรองเท้าฟิตพอดีปัญหาก็ไม่เกิด อาการรองเท้ากัดเกิดกับผมในวันแรกที่ได้รองเท้ามาเพียงวันเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีปัญหาอีกเลย รวมไปถึงในระยะทางฮาล์ฟมาราธอนวันนี้ด้วย
การไม่มี cushion ในรองเท้าอาจจะทำให้หลาย ๆ คนกังขาถึงผลลัพธ์ของการวิ่ง การซ้อม อันนี้ผมยังไม่สามารถบอกอะไรได้ เพราะผมยังอยู่กับมันได้ไม่นาน เสียงของฝรั่งดังขึ้นในหัวผมอีกครั้ง “Good luck in your Vibram. It’s pretty hard on your knee” ผมต้องยอมรับว่าผมไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่าง เมื่อนึกย้อนกลับไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้วมากนัก ความรู้สึกเจ็บข้อเท้า และเข่า ซึ่งเกิดทุก ๆ ครั้งภายหลังการแข่งขันในระยะนี้ มันอาจจะมากกว่าการลงส้นเท้าแล้วมี cushion แต่อย่างน้อย รองเท้าคู่นี้ และการวิ่งปลายเท้า ทำให้ผมกลับมาเล่นกีฬาที่ผมรักที่สุดได้อีกครั้ง คือ ไตรกีฬา ผมวิ่งได้แล้ว ผมปั่นจักรยานได้แล้ว ว่ายน้ำไม่เป็นปัญหาแน่นอน ขอบคุณ Vibram Fivefingers ครับ
เพื่อน ๆ ผมมารวมตัวกันแล้ว เราชักภาพร่วมกันสองสามภาพก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมค่อย ๆ เดือนโขยกเขยกไปขึ้นแทกซี่ ในใจตั้งคำถาม “Hard on my knee” ผมรู้สึกอย่างนั้น แต่ผมก็ยังดีใจมากกว่าผมไม่สามารถวิ่งได้อีกเลย