ไตรกีฬาเป็นกีฬาที่ค่อนข้างใหม่ ในกีฬาโอลิมปิกนั้นไตรกีฬาถูกบรรจุลงครั้งแรกในประมาณปี 2000 ภายหลังที่ได้ถือกำเนิดขึ้นมาได้ประมาณยี่สิบปีเศษ ๆ โดยรวมแล้วไตรกีฬามีอายุอานามประมาณสามสิบยังแจ๋ว แน่นอนว่ายังอยู่ในรุ่นเอ๊าะ ๆ ที่ยังมีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ในระยะสิบกว่าปีที่ผ่านมาไตรกีฬาเป็นหนึ่งในกีฬาที่มีการเติบโตของผู้เล่นสูงที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระแสความนิยมจักรยานที่มาแรงเช่นนี้ นักวิ่งหลาย ๆ คนก็สนใจที่จะเพิ่มไตรกีฬาเข้าไปในรายการแข่งขัน หลังจากที่ทนกระแสปั่นจักรยานไม่ไหว เพื่อน ๆ นักวิ่งของผมหลาย ๆ คนก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ในขณะเดียวกันนักปั่นจักรยานหน้าใหม่หลาย ๆ คนก็พยายามหาตัวเองจากสนามแข่งขันไตรกีฬาหรือทวิกีฬาที่มีความเป็นมิตรมากกว่าสนามแข่งจักรยาน เนื่องจากไตรกีฬาหรือทวิกีฬาเป็นกีฬาที่ต้องแข่งกันตัวเองเป็นสำคัญ
เรื่องที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เคยเกิดกับผมมาแล้วในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาเมื่อผมกลับมาเล่นไตรกีฬาอีกครั้งหลังจากหยุดไปสี่ถึงห้าปี ฟังดูแล้วตลกแต่เรื่องที่ว่าคือ แล้วจะใส่ชุดอะไรในการแข่งขันดี คิด ๆ ไปมันก็ง่ายมากนะครับ สำหรับทุกวันนี้ เพราะในปัจจุบันเรามีชุดไตรกีฬาทั้งที่เป็นไปตามข้อกำหนดของ ITU และไม่เป็นไปตามกำหนดของ ITU ให้เลือกซื้อหากัน (แต่เมืองไทยไม่มีให้เลือกเท่าไร) มองย้อนกลับไปในยุคเริ่มต้นมันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากกว่านี้มากมายนัก (เอ หรือว่าง่ายกว่าหว่า) ในวันเริ่มต้นจนถึงช่วงปลายปี 80 นั้นไตรกีฬาแทบไม่มีอุปกรณ์อะไรเป็นของตัวเองเลย เนื่องจากเป็นกีฬาที่อยู่บนพื้นฐานของกีฬาสามประเภทที่พัฒนามาจนถึงจุดอิ่มตัวเสียแล้วไม่ว่าจะเป็นว่ายน้ำ จักรยาน หรือวิ่ง ในยุคแรกการแข่งขันไตรกีฬานั้นนักกีฬาก็คงคิด ๆ เหมือนกันกับมือใหม่ในวันนี้ มีอะไรก็ใช้ไป ในกีฬาว่ายน้ำก็ใช้ชุดว่ายน้ำ ถึงเวลาปั่นจักรยานอาจจะมีการสวมเสื้อ และกางเกงวิ่ง หรือกางเกงจักรยาน แล้วแต่ความพึงพอใจของแต่ละคน แต่ส่วนใหญ่กางเกงจักรยานมักจะไม่ถูกใช้ในกีฬาไตรกีฬา เมื่อมาถึงเวลาวิ่ง ทั้งหมดก็จะอยู่ในชุดวิ่ง ง่าย ๆ แบบนั้น เรื่องชุดแต่งกายไม่ใช่เรื่องใหญ่มากนักเพราะช่วงเวลา transition หรือช่วงเปลี่ยนกีฬายังไม่ถูกใช้มาเป็นหนึ่งในกลยุทธของการแข่งขัน การที่จะเปลี่ยนชุดหรือไม่อย่างไรนั้นเป็นเรื่องของความพอใจมากกว่าเพื่อความรวดเร็ว
เมื่อกีฬาเป็นที่นิยมมากขึ้น การแข่งขันสูงขึ้นการประหยัดเวลาในช่วง transition เริ่มถูกนำมาใช้เป็นกลยุทธในการแข่งขันมากขึ้นการออกเบบการแต่งกายในการแข่งขันและยุทธวิธีในการทรานสิชั่นเริ่มเป็นตัวกำหนดการแต่งตัวมากขึ้น นักกีฬาเริ่มที่จะเลือกที่จะไม่เปลี่ยนชุดกีฬามากขึ้นเรื่อย ๆ เราจะเริ่มเห็นนักกีฬาจากคนที่เคยเลือกที่จะนำกางเกงวิ่งมาสวมทับกางเกงว่ายน้ำ อาจจะเป็นในช่วงวิ่ง หรือตั้งแต่ช่วงจักรยานเริ่มหันมาวิ่งด้วยกางเกงว่ายน้ำ รวมถึงนักกีฬาหญิงก็เช่นเดียวกัน และเนื่องจากการสวมเสื้อวิ่งมาปั่นจักรยาน หรือการใส่เสื้อจักรยานวิ่งนั้น ค่อนข้างจะไม่สะดวกอย่างเห็นได้ชัด เสื้อวิ่งที่นิยมใช้เสื้อบาง ๆ ตัวใหญ่ ๆ ในเวลานั้นไม่เหมาะกับการใส่ปั่น เช่นเดียวกับเสื้อจักรยานที่รัดรูปและค่อนข้างที่จะหนา ถูกมองว่าไม่สะดวกต่อการใส่วิ่ง นักกีฬาหลาย ๆ คนเลือกที่จะไม่สวมเสื้อใด ๆ เลยตลอดการแข่งขัน หรือการเลือกใช้หรือไม่ใช้เสื้อนั้นเป็นเรื่องของการใส่เพื่อป้องการแสงแดดในรายการที่มีระยะการแข่งขันไกล ๆ เพียงเท่านั้น ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมเริ่มเล่นไตรกีฬาใหม่ ๆ แน่นอนว่าในเมืองไทยนั้น การเปลี่ยนชุดตามชนิดกีฬาเป็นที่นิยมมากกว่า
เมื่อผมไปเล่นที่ต่างประเทศเป็นช่วงปีแรก ๆ ที่มีการออกแบบชุดแต่งกายสำหรับไตรกีฬาขึ้นเป็นครั้งแรก โดยมากเป็นการออกแบบโดยผลิตภัณฑ์ที่มีชุดว่ายน้ำเป็นหลัก แต่ผู้นำในการเปลี่ยนแปลงในยุคนั้นคือ TYR ที่เริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ชุดไตรกีฬาโดยมีแนวคิดที่จะใช้แผ่นรองก้นสำหรับปั่นจักรยานที่สามารถเปียกน้ำได้และมีขนาดเล็กกว่าปกติ และเสื้อที่รัดรูปมีขนาดเล็ก เปิดสะดือนิด ๆ พอเซกซี่ ที่คิดว่าสามารถใส่ว่ายน้ำได้โดยไม่มีปัญหา สุดท้ายคือแนวความคิดที่ว่าต้องใช้ผ้าที่บางและแห้งเร็วเป็นสำคัญ ชุดไตรกีฬาในยุคแรกที่สามารถใส่ตั้งแต่เริ่มแข่งขันจนสิ้นสุดการแข่งขันจึงลักษณะคล้ายกางเกงว่ายน้ำที่มีรองก้นบาง ๆ ร่วมกับเสื้อรัดรูปตัวเล็ก ๆ ในขณะที่ของสุภาพสตรีจะอยู่ในชุดว่ายน้ำนั่นเอง หรืออาจจะเป็น two piece ที่มีท่อนบนค่อนข้างใหญ่ คล้่าย ๆ นักกีฬาวอลเลย์บอลชายหาดในปัจจุบัน
ชุดไตรกีฬาชุดแรกของผมก็อยู่ในรูปแบบนี้เช่นกัน ปัจจัยสำคัญในการกำหนดลักษณะชุดไตรกีฬาอีกปัจจัยคือความที่กีฬานี้จำเป็นต้องว่ายน้ำในแหล่งน้ำธรรมขาติ หรือที่เราเรียกกันว่า open water swim ในเมืองหนาว อุณหภูมิของน้ำตลอดทั้งปีอาจจะไม่เคยเกิน 15C ทำให้อุปกรณ์ที่เกิดมาพร้อมกับความนิยมของไตรกีฬาที่ขยายจากเมืองร้อนมาสู่เมืองหนาวนั่นก็คือ wetsuit ที่คิดค้นเป็นครั้งแรกโดย Quintana Roo ชุดแต่งกายที่ใส่ภายใต้ Wetsuit ที่รัดติ้วเพื่อกันน้ำเย็นเล็ดรอดเข้ามานั้นจำเป็นต้องบางเฉียบไม่เช่นนั้นการใช้งานของ Wetsuit จะไม่เป็นไปตามที่ถูกออกแบบไว้โดยสิ้นเชิง ในช่วงราว ๆ ปี 95 นั้นเป็นช่วงเวลาที่นักกีฬาสมัครเล่นอย่างผมมีความสนุกเป็นอย่างมาก เพราะมีสินค้ามากมายที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อไตรกีฬาและพวกเราเองที่เป็นกลุ่มหนูทดลองกลุ่มแรกสำหรับอุปกรณ์เหล่านั้นรวมไปถึงชุดแข่งขัน
สำหรับผมเองการตัดสินใจในการเลือกชุดแข่งขัน มีเพียงปัจจัยเดียวคือ ความจำเป็นในการใส่ Wetsuit ถ้ามีความจำเป็นผมก็จะแต่งเต็มยศ เสื้อและกางเกง พอย่างเข้าปลายฤดูร้อน ในสนามสั้น ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ Wetsuit ผมก็ไม่ใส่เสื้อตลอดทั้งงาน เพราะหลังจากลองว่ายน้ำด้วยเสื้อแล้ว หรือลองใส่เสื้อขณะตัวเปียก ๆ ก่อนปั่นจักรยานแล้ว มันยุ่งยากไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่ลงทุนกับชุดไตรกีฬารุ่นใหม่นี้ก็ยังเลือกที่จะวิ่งเปลือยเปล่าด้วยกางเกงว่ายน้ำตัวเดียว ภาพที่เห็นก็เป็นภาพที่คุ้นตาในทุก ๆ การแข่งขัน จะมีก็แต่โปรที่ในเวลานั้น สปอนเซอร์เริ่มย้ายจากการเขียนสีตามร่างกายมาปรากฏตามเสื้อของนักกีฬา เราก็จะเห็นโปรส่วนใหญ่เท่านั้นที่จะใช้เสื้อในการแข่งขันด้วย
ช่วงสี่ห้าปีที่ผมหายไปจากการเล่นไตรกีฬาก็เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อีกช่วงหนึ่ง ผมสังเกตุจากวันที่ผมห่างหายไปมาจนวันที่ผมเริ่มเล่นอีกครั้ง มีหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปจนผมเองก็ต้องศึกษาหาข้อมูลเหมือนเริ่มต้นใหม่ การที่ไตรกีฬาถูกบรรจุในกีฬาโอลิมปิกก็น่าจะเป็นสาเหตุหนึ่ง เพราะ ITU ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลไตรกีฬาในค่ายโอลิมปิกมีข้อกำหนดในการแต่งกายชัดเจน ซึ่งกำหนดรูปลักษณ์ทั่ว ๆ ไปของชุดไตรกีฬาที่เราเห็นในปัจจุบัน ซึ่งน่าจะได้แนวทางคร่าว ๆ จากชุดไตรกีฬาที่ได้รับความนิยมในช่วงนั้น ซึ่งในช่วงนั้นเองเทคโนโลยีของ high performance fabric ได้รับการยอมรับมากขึ้น เราได้เห็นการใช้ full bodysuite สำหรับการว่ายน้ำ กางเกงว่ายน้ำชายขายาวเป็นภาพที่ชินตามากขึ้น ในวงการวิ่งเองชุดวิ่งรัดรูปก็เป็นภาพที่ไม่แปลกตามากนัก จึงไม่แปลกที่ชุดไตรกีฬาจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปในทิศทางนั้นจนท้ายที่สุดกลายมาเป็นชุดไตรกีฬาที่เราเห็นในปัจจุบันนี้
อย่างไรก็ตามชุดไตรกีฬาในปัจจุบันจะยังไม่เป็นรูปแบบเดียวกันไปทั้งหมด ในทิศทางของ ITU ซึ่งมีข้อกำหนดเกี่ยวกับตำแหน่งของซิปที่ต้องอยู่ด้านหลัง ในขณะที่ก่อนหน้านั้นซิปจะนิยมติดตั้งไว้ด้านหน้าตามแบบของเสื้อจักรยาน ซึ่งในปัจจุบันการออกแบบแบบนี้ก็ยังได้รับความนิยมในสนามที่ไม่ใช่ ITU อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่านักกีฬาสมัครเล่นแม้ทำการแข่งขันในสนาม ITU จะไม่ถูกข้อบังคับเหล่านี้ ชุดไตรฯที่มีซิปรูดด้านหน้าจะดูเหมือนว่าจะได้รับความนิยมมากกว่าเพราะพื้นฐานของนักกีฬาที่มาจากจักรยานจะคุ้นเคยกับการรูดซิปเสื้อด้านหน้านั่นเอง ชุดไตรกีฬาส่วนใหญ่มักจะเป็นแบบชิ้นเดียวและแขนกุด ทั้งนี้เพื่อสะดวกในการว่ายน้ำ แต่เราก็ยังเห็นแบบสองชิ้นมีใช้อยู่บ้าง ผมไม่แน่ใจถึงเหตุผลในการตัดสินใจที่ชัดเจนแต่คาดว่าน่าจะเป็นเพราะระบบแยกชิ้นนั้นสามารถนำแต่ละชิ้นมาใช้ในช่วงกีฬาต่าง ๆ ในตอนซ้อมได้ง่ายกว่า ดูเหมือนจะคุ้มค่ากว่า ในการใช้ชุดไตรกีฬาในการซ้อมนั้นไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากชุดจะมีราคาแพงแล้ว การใส่ชุดรัด ๆ แบบนั้นไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยานโดยไม่มีการแข่งขันมันดูตลกพอสมควร ชุดไตรกีฬาของผู้ชายดูเหมือนจะค่อนข้างไปในทางเดียวกันเช่นนี้ แตกต่างจากชุดของผู้หญิงที่เรายังเห็นโปรบางคนโดยเฉพาะในกีฬาโอลิมปิกใช้ชุดที่เหมือนชุดว่ายน้ำอยู่เกือบหนึ่งในสามเลยทีเดียว
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผมคิดว่าในเวลานี้เทคโนโลยีชุดแข่งขันสำหรับไตรกีฬาได้พัฒนามาถึงจุดที่สมบูรณ์แบบแล้ว เมื่อเทียบกับชุดรุ่นแรกที่ผมใช้ เบาะรองก้นที่ออกแบบให้เปียกน้ำได้แห้งเร็วนั้น ดูดซ้บน้ำดีจนความรู้สึกในการปั่นจักรยานเสียไปเป็นอย่างมากเมื่อมีน้ำไหลลงหว่างขาแทบจะตลอดระยะทางการปั่น เสื้อท่อนบนที่ใช้ผ้ายืดไลครา แม้ว่าจะเลือกไซส์ที่ฟิตเปรี๊ยะปะรเภทต้องใช้เพื่อนช่วยใส่ก็แล้ว ในการว่ายน้ำนั้นก็ยังมีความรู้สึกถึง drag ได้อย่างชัดเจน ในขณะที่การขึ้นมาใส่หลังจากว่ายน้ำมันก็ช่างยากเสียเหลือเกิน รูปทรงของกางเกงสไตล์ speedo ก็เสี่ยงต่อการเสียดสีช่วงปั่นจักรยานเป็นอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับชุดใหม่ที่ผมเพิ่งซื้อมาเมื่อปีที่ผ่านมา เทคโนโลยี compression ที่คาดว่าช่วยกระชับกล้ามเนื้อ และเทคโนโลยีที่ถ่ายทอดมาจาก ชุดว่ายน้ำแบบ body suit ทำให้ไม่มีความรู้สึก drag เกิดขึ้น กลายเป็นความรู้สึกลื่นไหลในน้ำไปเสียอีก วัสดุรองก้นแทบจะไม่มีการดูดซับน้ำให้รู้สึกได้เลย ในขณะที่ผ้ามีความบางเฉียบรัดรูปเปรี๊ยะ เมื่อขึ้นจากน้ำก็แทบจะรู้สึกได้ว่าแห้งแทบจะทันที ความบางของผ้าทำให้รู้สึกราวกับว่าไม่มีอะไรกั้นระหว่างผิวหนังกับอากาศเมื่อยามลมปะทะจากการปั่นจักรยาน พัฒนาไปไกลมาก ๆ จริง ๆ ผมซื้อชุดนี้มาเป็นรุ่นทอปที่มี option ครบทุกรูปแบบ เพียงแต่ในช่วงที่ลดราคาเพื่อเปลี่ยนฤดู ได้มาที่ราคาประมาณ 3500 บาทหย่อน ๆ สำหรับผมก็นับว่าแพงโขอยู่ ตามคำแนะนำเขาเขียนอย่างชัดเจนว่าไม่ให้ใช้ซ้อมว่ายน้ำในสระเป็นประจำ ผมจึงใช้ชุดนี้เพื่อแข่งขันเท่านั้น หรือวันซ้อมบางวันที่ผมต้องการว่ายน้ำแล้วปั่นต่อเนื่องกัน แต่สำหรับใครที่มีความคิดแนวอื่น ๆ เช่น ซื้อมาต้องใช้ให้คุ้มอะไรทำนองนี้ อาจจะคิดและทำแตกต่างกันไป ก็คงแล้วแต่จริตและเจตนาของแต่ละคนครับผม