เมื่อพูดถึงเก้าอี้ที่ถูกออกแบบตามหลัก Ergonomic ไม่มีชื่อใดที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่า Bill Stumpf ในปี 1995 ที่เขาให้กำเนิด Aeron Chair ที่ปัจจุบันกลายเป็นเก้าอี้ทำงานที่ใคร ๆ ก็ใฝ่ฝันหา ใช้เวลากว่า 14 ปี กว่าที่ Hermann Miller จะกล้าพอที่จะออกเก้าอี้ทำงานออกมาเทียบเคียงกับ Aeron แม้ว่า Bill Stumpf จะได้เสียชีวิตไปก่อนที่จะได้เห็นการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ของ Embody Chair Jeff Weber ซึ่งสานงานต่อเนื่องมาจากเป้าหมายที่มากไปกว่าสิ่งที่ Aeron Chair ได้เคยทำไว้เก้าอี้ทำงานที่ไม่เพียงแต่ถูกหลัก Ergonomic เท่านั้น เก้าอี้ทำงานตัวนี้ต้องทำให้เกิด positive effect ต่องานของคุณด้วย
ผมไม่รู้ว่าจะโชคดีหรือไม่ที่มีหลังที่อ่อนแอด้วยโรคกระดูกสันหลังเสื่อมที่คุกคามผมมากว่า 10 ปีหลังจากอุบัติเหตุยกของหนัก และภรรยาที่เข้าใจเนื่องด้วยเธอเองก็เคยประสบอุบัติเหตุกระดูกสันหลังจนต้องกายภาพบำบัดตั้งแต่ยังเยาว์วัย แม้ว่าผมจะใช้ที่นอนยางพาราที่ดีที่สุดในโลก ปาเทกซ์ รองรับหลังผมอย่างน้อย ๆ 6 ชั่วโมงต่อวัน แต่ด้วยภาระงานที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์กว่าวันละ 10 ชั่วโมง ก่อนที่ผมจะมีอายุขึ้นเลขสี่และต้องนั่งรถเข็น ผมก็ได้เจ้า Embody Chair ตัวนี้เป็นของขวัญวันเกิด
Embody ตัวนี้เดินทางมาจากต่างประเทศ ข้ามน้ำข้ามทะเล ก่อนที่จะมาขึ้นรถสิบล้อจาก กทม. มาสู่ปัตตานีบ้านเกิดของผมอีกต่อหนึ่ง ด้วยราคาสินค้าที่สูงเกินกว่าจะบรรยายได้ ณ ที่นี้ และความคุ้นเคยกับการสั่งสินค้าจาก
แอปเปิ้ลสตอร์ที่ส่งของมาจากเมืองจีน บรรจุภัณฑ์ที่มากับเก้าอี้ Hermann Miller ถือว่าไม่ผ่านอย่างแรง ถ้าหากว่าใครเป็นคนจู้จี้สักหน่อยอาจจะไม่ค่อยสบายใจเอาเสียเลยเมื่อเห็นสภาพบรรจุภัณฑ์ที่เดินทางกว่าพันกิโลเมตร และคงตรวจสอบหาตำหนิที่น่าจะเกิดขึ้นได้ไม่ยากนักโดยสภาพการหีบห่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัญหาที่หลาย ๆ คนร้องเรียนเต็มอินเตอร์เนท ก็คือล้อที่เสียหาย ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ยากเท่าไรนัก เพราะเก้าอี้จะถูกวางอยู่บนกล่องขนาดใหญ่ที่ดูน่าโยนเป็นอย่างมาก โชคดีที่สิ่งนี้ไม่ได้เกิดกับเก้าอี้ของผม อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าบรรจุภัณฑ์จะเลวร้ายจนถึงที่สุด เก้าอี้จะถูกห่อด้วยพลาสติกอย่างดี บริเวณที่จะมีโอกาสถูกกระทบกระทั่งได้ง่าย เช่น บริเวณที่วางแขน ขาเก้าอี้ ก็จะมีสติกเกอร์หุ้มไว้อีกชั้น แต่สภาพกล่องที่ดูบึกบึน และเก้าอี้ทำงานที่หนักที่สุดที่คุณจะเคยพานพบมา Embody น่าจะถูกโยนกระแทกพื้นได้ง่าย ๆ และอาจเป็นต้นเหตุของล้อเสียหายที่ว่า
ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง เมื่อเปิดกล่องเรียบร้อย ผมก็กระโดดลงนั่งทันที ไม่สนใจว่าวิธีปรับมันเป็นอย่างไร สัมผัสแรกที่ได้นั่งลงบนเจ้า Embody ก็รู้สึกดีใจที่เลือกตัวนี้แทนที่จะเป็น iconic Aeron chair เพียงเพราะ ตาข่ายพลาสติกของ Aeron chair นั้นค่อนข้างจะกระด้างเมื่อเทียบกับ ผ้าหุ้มของ Embody แม้ว่าผมจะไม่ได้ลงทุนอัปเกรดเนื้อผ้าเป็นรุ่นที่ควรจะนุ่มสบายไปกว่านี้ โดยเฉพาะเมื่อการทำงานที่บ้านส่วนใหญ่ผมจะใส่เพียงบอกเซอร์เพียงตัวเดียว สัมผัสที่ว่าผ่านต้นขาด้านหลัง และแผ่นหลังอันเปลือยเปล่านับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง Embody ใช้แนวความคิดเดียวกันกับ Aeron นั่นคือไม่ใช้โฟมรองรับร่างกายใด ๆ ทั้งสิ้น เลือกที่จะใช้ membrane ที่ระบายอากาศได้แทนที่ นอกจากนี้ระบบการรองรับร่างกายของเก้าอี้ทั้งสองประเภทนี้เรียกว่า topographically neutral suspension ที่อ้างว่าจะสามารถเข้ากับรูปร่างของผู้นั่งได้หลากหลายกว่าระบบรองรับด้วยโฟม ร่วมกับเทคโนโลยีที่เรียกว่า Pixelated Support จะทำให้ผู้นั่งมีความรู้สึกว่าลอยล่องอยู่กลางอากาศ (ซึ่งนั่นก็เวอร์เกินไป) สัมผัสแรกที่ผมได้นั่งคือ นุ่มสบายดี บริเวณเบาะนั่ง
และผนักพิงเข้ารูปได้ดีกับก้นและหลังของผม ไม่ว่าจะขยับไปทางไหน ผมถือว่าเทคโนโลยีนี้ทำงานได้ดีครับ พ่วงด้วยการระบายอากาศ ผมมั่นใจว่าถ้าพูดกันเพียงแค่การสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นแรงดันผิวสัมผัส หรือการระบายอากาศรวมไปถึงความร้อนตามผิวสัมผัส คุณจะไม่มีวันเจอเก้าอี้ตัวใดทำได้ดีไปกว่า Embody แน่นอนครับ
การออกแบบเก้าอี้ตัวนี้ เข้ากับยุคสมัย iT ที่ออกแบบสำหรับการใช้นั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็นหลัก ซึ่งเป็นงานของผมเลย อย่างไรก็ตาม หลักการในการออกแบบนั้น แตกต่างไปจากเก้าอี้ทำงานหลาย ๆ รุ่น นั่นก็คือ หลักการการใช้งานเก้าอี้ตัวนี้คือการใช้พนักพิงเพื่อรองรับหลังตลอดเวลาในท่าที่ไม่ได้มีเจตนาที่จะให้หลังตั้งตรง พนักพิงมีหน้าที่
หลักในการถ่ายน้ำหนักร่างกายออกจากส่วนก้นของเรา ซึ่งเป็นการออกแบบที่โยนความรับผิดชอบไปให้กับพนักพิงมากที่สุดเท่าที่เคยพบมา ในขณะที่ข้อแนะนำในการนั่งที่ถูกหลักกายภาพที่แนะนำโดยหนังสือหลาย ๆ เล่มที่เขียนโดยแพทย์กระดูกนั้น จะมีหลักการให้นั่นหลังตรงที่สุดโดยให้น้ำหนักตัวตกลงบนก้น และให้หลังเป็นรูปตัวเอสตามธรรมชาติเหมือนกับท่ายืนของเรา แนวโน้มของหลักการทางการแพทย์นี้คือให้เรานั่งโดยมีส่วนก้นอยู่สูงกว่าเข่าเล็กน้อย แต่ Embody เน้นให้หน้าขาตั้งราบขนานกับพื้น และหลังมีแนวโน้มที่จะถ่ายน้ำหนักไปด้านหลังโดยมีพนักพิงรองรับทั้งหมด ใครก็ตามที่ปรับตัวกับการนั่งตามหมอสั่งจะพบว่าเก้าอี้ตัวนี้มีท่านั่งที่ไม่คุ้นเคยเลยเสียทีเดียว ความรู้สึกแรกของผมก็รู้สึกสบายดี แต่ระยะยาวนั้นยังไม่ทราบ
Aeron ก็มีหลักการคล้าย ๆ กันในการกระจายน้ำหนัก อย่างไรก็ตามยังให้อิสระในการปรับระดับเบาะนั่งให้เทไปด้านหน้าตามคำแนะนำของแพทย์ได้ แต่ Embody จะไม่สามารถทำได้เลย นอกจากจะให้ต้นขาที่ขนานกับพื้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และถ่ายน้ำหนักไปยังแผ่นหลัง ซึ่งเจ้าแผ่นรองรับหลังที่ดูคล้าย ๆ กระดูกสันหลังของ Embody จะรองรับและปรับตัวเข้ากับแผ่นหลังของเราไม่ว่าเราจะขยับตัวอย่างไร และมันสามารถทำได้ดีมากเลยจริง ๆ ครับ และต้องยกนิ้วให้ว่าระบบนี้รองรับแผ่นหลังได้ดีกว่า Aeron ที่มีเพียง Lumbar Support ที่ปรับระยะได้ เท่านั้น แต่ขณะที่ Embody สร้าง S-shape curve ของหลังได้ดีมาก พร้อมทั้งปรับความแข็งของการรองรับ และความหนืดในการเอนหลัง ร่วมก้บการปรับรูปแบบการแ
อ่นตัวของ S-curve ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งหมดนี้จะต้องใช้ลูกบิดปรับ friction ทั้งสองลูก ช่วยในการ adjust เพี่อที่จะได้ความหนืด S-curve และความแข็งในการรองรับที่คุณต้องการ ซึ่งผมถือว่าเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียของระบบนี้ ข้อดีก็คือว่าเราปรับได้อย่างไม่สิ้นสุด แต่ข้อเสียคือความสัมพันธ์ของระบบการปรับทั้งสองนั้น ปรับอย่างหนึ่งจะทำให้อีกอย่างเปลี่ยนไปด้วย ต้องปรับไปมาอยู่หลายเที่ยวกว่าจะลงตัวจริง ๆ ผมยังรู้สึกว่าโดยเทคโลโลยีและความเป็นผู้นำทางเก้าอี้ Ergonomic Hermann Miller น่าจะสามารถทำให้การปรับทั้งทั้งสองระบบเป็น independent กันได้นะ ผมรู้สึกอย่างนั้น แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ
แน่นอนว่าเก้าอี้ราคานี้ย่อมสามารถปรับความสูงและกำหนดระดับการเอนหลังได้ (tilt limiter) และอื่น ๆ ที่คุณจะควรคาดหวังจากเก้าอี้ Hi-End ทั่วไป และ Embody มีให้คุณอย่างครบถ้วน แต่การที่มีเก้าอี้ขนาดเดียวแทนที่จะมีสามขนาดเหมือนอย่าง Aeron อาจจะทำให้คนที่มีความสูงผิดปกติมาก ๆ อาจจะใช้งาน Embody ได้ไม่ดีเท่า Aeron ก็เป็นได้ ส่วนผมเองด้วยความสูง 171cm เรื่องนี้ไม่
เป็นปัญหา Tilt Limiter ของ Embody ปรับได้เพียงสี่ระดับ ผมมีความรู้สึกว่าน้อยเกินไป มีความรู้สึกหงุดหงิดเวลาต้องการปรับในระยะประหลาด ๆ ที่ผมต้องการ อย่างไรก็ตามคาดว่าวิธีการใช้เก้าอี้คงไม่ได้เจตนาให้ทำแบบนั้น ผมใช้วิธีการปรับความหนืดของการเอนหลังให้ฝืดขึ้น ความรู้สึกที่ต้องการก็เกิดขึ้นโดยไม่ต้องใช้ Tilt Limiter เลยจริง ๆ
สิ่งหนึ่งที่ใช้เทคโนโลยีไม่มากแต่เก้าอี้ตัวอื่นไม่ค่อยทำกันนั่นคือที่วางแขน Embody สามารถปรับทั้งสูงต่ำและความกว้างแคบของที่วางแขนได้แบบไม่มีข้อจำกัดเลยทีเดียว สูงต่ำข้างละเก้าระดับ กว้างแคบอีกข้างละสี่ระดับ การปรับสะดวกเพียงแค่ดันเข้าออก ขึ้นลง (รวมกดปุ่มนิดหน่อย) ทำให้การปรับที่วางแขนทำได้ง่าย และสามารถทำได้ตลอดเวลา ตามที่ต้องการ ผมปรับเปลี่ยนแทบจะทุก ๆ สิบนาทีเลยทีเดียว ตามอริยาบทที่เปลี่ยนไปเวลานั่งทำงาน ไม่ว่าจะเป็นท่ามือซ้ายท้าวคาง (ยกที่วางแขนซ้ายสูงสุด) มือขวาไถ track pad (ที่วางแขนขวาระดับโต๊ะ) หรือ อื่น ๆ อีกมากมาย การออกแบบให้มีการปรับกว้างแคบ ร่วมกับ platform ในการวางแขนที่ใหญ่โต บนแผ่นโฟมนุ่ม ๆ ชนะการออกแบบของ Aeron อย่างขาดลอย ที่ใช้โฟมที่แข็งกว่า platform เล็กกว่า และเลือกที่จะใช้วิธีการบิดซ้ายขวาแทนการปรับเข้าออก ที่วางแขนผมถือว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยให้เกิดท่านั่งที่เหมาะสม และห่างไกลจากพฤติกรรมที่ติดตัวมาชั่วชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการท้าวคาง ยกไหล่ อีกทั้งจะยังช่วยรองรับแขนในระดับที่ต้องการ ลดความเมื่อยล้าจากการนั่งทำงานเป็นระยะเวลานานได้ดี ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเก้าอี้หลายรุ่นจึงไม่ค่อยเน้นการปรับเปลี่ยนตรงจุดนี้
สิ่งหนึ่งที่น่าจะเลียนแบบกันได้ยากที่สุดคือ Embody สามารถปรับความลึกของเบาะนั่งได้ เนื่องจากเบาะไม่ได้ทำจากโฟม แต่เป็นเพียงผ้าที่ขึงอยู่บนแผ่นรองรับที่มีหน้าตาคล้าย ๆ กับ pocket spring ที่ว่าอยู่บนสะพานขึงอีกที ด้วยระบบนี้ทำให้ เบาะนั่งสามารถปรับความลึกเข้าออกได้เป็นระยะที่มากพอสมควร คราวนี้เป็นการออกแบบที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับผมครับ เก้าอี้ตัวที่ผ่านมาทุกตัวมีความลึกของเบาะที่มากเกินกว่าต้นขาของผมจะรับได้ ทำให้ผมมีแนวโน้มที่จะนั่งแอ่นหลังกับเก้าอี้ทุก ๆ ตัว ซึ่งท้ายที่สุดผมต้องแก้ไขด้วยการใส่หมอนรองหลังหลายใบเพื่อให้ผมสามารถนั่งได้อย่างถูกสุขลักษณะ แต่สำหรับ Embody ไม่ต้องเลยครับ ปรับนิดเดียว “เอาอยู่” Aeron แก้ไขปัญหานี้ด้วยขนาดเก้าอี้สามขนาด ซึ่งในตัวที่ผมลองก็พอดีตัวครับ ถึงปรับไม่ได้แต่ก็พอดีอยู่แล้ว Embody ไม่มีพนักพิงศีรษะครับ ไม่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับผม เพราะผมไม่ค่อยพิง และไม่เคยนั่งหลับบนเก้าอี้ ส่วนนักฟังเพลงที่คิดจะใช้ Embody มานั่งฟัง อาจจะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน (แต่ผมว่าถ้านั่งฟังเพลง ผมเลือก Recliner ดีกว่า สบายกว่า อิอิ)
สุดท้ายที่ไม่มีใครเคยคิดมาก่อนเลย แต่ผมพบว่าเป็นการออกแบบที่ชาญฉลาดครับ ปัญหาที่เป็นเหมือนเส้นผมบังภูเขา พนักพิงของ Embody มีลักษณะที่มีการคอดเข้าในช่วงกลาง ๆ ครับ เพื่อรองรับการขยับตัวโดยเฉพาะช่วงแขน ไม่ว่าจะเป็นการพักแขนจากการพิมพ์ การบิดขี้เกียจ หรือการยืดเส้น พนักพิงที่ถูกออกแบบมาอย่างดีที่จะแนบติดกับหลังคุณตลอดเวลานั้น ไม่เคยมีสะดุดกับส่วนหนึี่งส่วนใดของแขน ศอก ของคุณเลย มันทำให้มีความรู้สึกอิสระ โล่ง และบางครั้งรู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่กลางอากาศจริง ๆ
สุดท้ายถ้าจะถามว่าควรซื้อมั้ย ผมคงตอบให้ไม่ได้ครับ แต่จะบอกถึงการตัดสินใจของผมระหว่าง Aeron กับ Embody ไว้อย่างนี้ จำไว้ในใจก่อนนะครับว่า Embody ราคาสูงกว่า Aeron เกือบ ๆ สองเท่่า ผมจะแนะนำให้คุณซื้อ Aeron ถ้าหากว่า
- คุณใส่เสื้อผ้านั่งทำงานสม่ำเสมอ
- คุณมีโอกาสได้ลอง Aeron ทั้งสามขนาดและมีขนาดใดขนาดหนึ่งเข้ากับรูปร่างของคุณอย่างพอดี
- คุณไม่เป็นโรคกระดูกสันหลัง และไม่สามารถสัมผัส ถึงความแตกต่างระหว่างพนักพิงของ Aeron และ Embody
- คุณไม่ได้นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์หรือนั่งทำงานน้อยกว่า 10 ชั่วโมงต่อว้น
- คุณต้องถามตัวคุณเองว่ามันคุ้มหรือไม่ เพราะที่ระดับราคานี้ law of dimishing return เริ่มเข้ามามีผลเยอะแล้วครับ
- คุณไม่มั่นใจว่าของเขาดีจริง เพราะยังไม่ได้ผ่าน test of time อย่างเช่น Aeron และคุณยังไม่เคยเห็นเก้าอี้ตัวนี้ในบ้านใครเลยในนิตยสารบ้านชั้นนำทั่วประเทศ
ขอบคุณสำหรับ review ที่มีประโยชน์มากๆสำหรับผมเลยครับ หาคน review เก้าอี้รุ่นนี้แบบละเอียดยากจริงๆ
ขอบคุณครับ ดีใจที่มีคนได้ประโยชน์ครับ
นั่งมาจะครบ 1 ปีแล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ
ยังยืนยันคำเดิมครับ ใช้ดีมากคุ้มราคาหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่ผมไม่เสียใจเลย รองแขนก็ยังเตี้ยไปสำหรับคนท้าวคางอย่างผมนิดหน่อย และเบาะนั่งสูงกว่าขาผมไปนิดๆ การแก้ไขทำไม่ยากแต่ผมขี้เกียจทำเพราะไม่เป็นปัญหามาก แต่ผมตัดขาโต๊ะให้เตี้ยเพื่อพิมพ์คอม
ขอบคุณมากครับ ผมจะได้ตัดสินใจซื้อวันอาทิตย์นี้เลย เพราะผมเจ็บก้นกบมาก ไปหาหมอมา หมอบอกเอ็นมันอักเสบครับเนื่องจากนั่งผิดท่ามานาน แหะๆ อีกอย่างผมน้ำหนักเยอะด้วยครับ
ผมสนใจครับ กำลังจะตัดสินใจซื้อ มีปัญหานั่งเก้าอี้ไม่ดีมาตลอด
เป็นโรคกระดูกสันหลังคด หรือที่เรียกว่า scoliosis เพิ่งไปลองนั่ง embody มา ซาบซึ้งอย่างที่คุณเขียนไว้ทุกประการค่ะ ไม่ทราบว่าเข้าใจถูกมั๊ยว่าคุณสั่งจาก apple store ที่จีน เฉพาะราคาสินค้าไม่รวมค่าส่งเท่าไหร่คะ รบกวนบอกที่ fontipw@yahoo.com นะคะ/ ขอบคุณมากค่ะ
ผมซื้อในไทยนี่แหละครับ CMH Systems ที่ปาร์คนายเลิศ หกหมื่นได้มั้งครับ จำไม่ได้ละ
ขอบคุณค่ะ ไปลองมาที่เดียวกัน เมื่อกุมภา57 ลดราคาเหลือ 58K แต่ของหมด! ราคาตอนนี้ 68.5K : )
ผมก็สั่งตอนไม่มีของครับ เลยได้เลือกสีที่ต้องการ รอนานมาก