Endurance : Why we do what we do?

สัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อน ๆ หลายคนมีกิจกรรม Endurance (ต่อจากนี้ผมจะเรียกมันว่า อดทน) ที่แตกต่าง แต่มีความเข้มข้นไม่แพ้กัน มาเล่าสู่กันฟัง ผมนั่งไล่อ่านกิจกรรมของทุก ๆ คน ที่อธิบายถึงความรู้สึก เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แชร์กันไปมาเต็มไปด้วยความสุข และตื้นตัน ผมอดไม่ได้ที่จะแสดงความเห็นว่าผมรู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นหลาย ๆ คนมีความสุข โดยใช้การอธิบายในลักษณะ “ความสุขบนความทรมาน” ซึ่งพบว่ามีหลาย ๆ คน รวมถึงคู่หูเพื่อนซี้ในกิจกรรมอดทนของผมค่อนข้างไม่สบายใจกับทำว่า “ทรมาน” และต้องการที่จะแสดงออกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นและเหตุผลที่เขาเหล่านั้นเลือกทำกิจกรรมอดทน จากการแลกเปลี่ยนในกระทู้นั้น ทำให้ผมมาถามตัวเองอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ถามตัวเองมาหลายต่อหลายครั้งแล้วตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา ว่าเราทำกิจกรรมอดทนเหล่านี้ไปเพื่ออะไร

TRI NCB

แต่ก่อนอื่นคงต้องท้าวความไปถึงครั้งแรกที่ผมใช้คำว่า “ทรมาน” เพื่อสื่อถึงความรู้สึกบางช่วงในกิจกรรมเหล่านี้ มันเกิดเมื่อเพื่อนของผมชวนให้ไปปั่นบนเขาใหญ่ ผมจึงเลือกช่วงที่ผมต้องไปแข่งขัน TNF100 เป็นวันที่จะปั่นเขาใหญ่ โดยวันแรกวิ่ง TNF50K แล้ววันที่สองปั่นเขาใหญ่ ด่านชนด่าน 100K เพื่อที่จะชักชวนเพื่อน ๆ มาร่วมสนุกกัน ผมจึงคิดที่จะหาชื่อที่เหมาะสมให้กับกิจกรรมนี้ ในช่วงนั้นผมซ้อมเทรนเนอร์กับ DVD Series SufferFest ซึ่งผมรู้สึกว่ามันสื่อตรงกับความรู้สึกของผมจึงคิดที่จะแปลความหมายนี้ออกมา เลือกมาได้ว่า “ทรมานบันเทิง” เพื่อสื่อถึงกิจกรรมนี้ หลังจากนั้นผมใช้คำว่า “ทรมาน” อีกหลายครั้ง เพื่อสื่อถึงกิจกรรมอดทนที่เราชาวเผ่า V40 ทำกัน

IMG_1140

สำหรับผมคำว่า “ทรมาน” มันไม่ได้มีความหมายเป็นลบเลย เพราะที่มาจากความว่า Suffer ที่ผมแปลมานั้น ผมนึกไปถึง “ทุกข์” ในศาสนาตลอดเวลา ผมมองมันคล้าย ๆ กับว่ากิจกรรมอดทนนั้น คือการธุดงค์ ที่นำ “ทุกข์” มาพิจารณา ส่วนกิจกรรมอดทนนั้นนำ “ทรมาน” มาพิจารณา มันเกิดขึ้นกับผมในทุก ๆ ครั้ง และผมใช้มันในทำนองนี้ในทุก ๆ ครั้ง แต่ไม่เคยคิดว่าคำ ๆ นี้จะบาดใจใครหลาย ๆ คน โดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นผมจึงตั้งใจที่จะเขียนมันออกมาว่าสำหรับผมแล้ว ผมเห็นอะไร และทำไปทำไม โดยไม่แน่ใจว่าเมื่อจบบทความนี้ผมจะได้คำตอบหรือไม่ ความเป็นนักวิทยาศาสตร์ในตัวผมสอนให้ผมบันทึกกระบวนการ และให้ความสำคัญกับมันเท่า ๆ กับผลลัพธ์

IMG_2582

เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่ถูกสื่อว่า “ทรมาน” มันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในกิจกรรมอดทน สำหรับผม ความร้อน ความเหนื่อย ความเมื่อยล้า คำที่เรียกง่าย ๆ ว่า “หมด” หรือ exhaustion เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแน่ ๆ ในกิจกรรมอดทนทั้งหลาย ในมุมมองของเปลือกภายนอก แต่ถ้าพิจารณาลึกเข้าไปในจิตใจ ผมจะเห็นความท้อใจ การยอมแพ้ กำลังใจ ความหึกเหิม ในความต่อเนื่องของความรู้สึกทางร่างกายและจิตใจนั้น บางครั้งมันปวดร้าวรุนแรงจนผมเองต้องตั้งคำถามว่า ผมมันทำมันไปทำไม แม้มันจะไม่บ่อย แต่คำตอบของคำถามในเวลานั้นมันจะกำหนดผลลัพธ์ของกิจกรรมไม่ว่าในช่วงเวลาก่อนทำกิจกรรมนั้นเราต้องการผลลัพธ์เช่นใด

IMG_3711

ผมวิ่ง 10K เพราะต้องการลบความคิดว่านักว่ายน้ำ (จริง ๆ แค่สมาชิกชมรมว่ายน้ำ) จะไม่ถนัดวิ่ง ผมลง 21K เพราะอยากเอาความฟิตที่เหลือจาก 10K มาใช้ให้เป็นประโยชน์ ผมลงทวิกีฬาเพราะอยากปั่นจักรยานที่ผมใช้มามหาลัยแบบเร็ว ๆ สุดชีวิตกะเขามั่ง ผมลงไตรกีฬาเพราะผมเป็นนักว่ายน้ำ กิจกรรมอดทนของผมนั้นถูกขับมาจากความอยากรู้ และความต้องการขยายข้อจำกัด รวมไปถึงใช้ทรัพยากร อุปกรณ์ และทักษะทั้งหมดที่ผมมีอย่างคุ้มค่า ซึ่งมันเป็นนิสัยส่วนตัวที่จะใช้ความคุ้มค่า หรือประสิทธิภาพมากำหนดสิ่งที่ทำ ผมใช้เวลาอยู่กับมันสิบกว่าปี วิ่งไล่ตามสถิติต่าง ๆ ปีหน้ามันต้องเร็วขึ้นดีขึ้น ตำแหน่งสูงขึ้น แม้ว่าจะไม่เคยได้ถ้วยกับเขาเลย แต่ก็สามารถนำตัวเองไปอยู่ในอันดับ Top 5 Top 10 ได้ทั้งในสนามประเทศไทย และต่างประเทศ ในขณะที่สถิติก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนไปพีคที่อายุประมาณ 30 ก่อนที่จะค่อย ๆ คงตัวและช้าลงในที่สุด

IMG_7410

แน่นอนว่าผมคุ้นเคยกับความเจ็บปวด ตะคริว ไม่ใช่เรื่องแปลก และหลาย ๆ ครั้งไม่สามารถชะลอผมลงได้มากนัก อัดจนอาเจียรข้างทาง หรือจำเป็นต้องกลืนมันกลับเข้าไป เพราะอยู่ในระหว่างการแข่งขัน ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกเช่นกัน ถ้าถามว่ามันจะใช้คำว่า “ทรมาน” ได้มั้ยสำหรับผม ผมเองก็เห็นด้วยกับเพื่อน ๆ ที่ไม่ชอบคำ ๆ นี้ว่าผมไม่อยากเรียกมันว่า “ทรมาน” ผมต้องยอมรับว่ามันอาจจะเจ็บปวด ผมไม่ได้ชอบมัน ไม่ได้เสพติด แต่ระหว่างซ้อมจนถึงวันแข่งและระหว่างแข่งนั้นผมทำทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้น แต่แม้ว่าผมรู้อยู่แก่ใจว่ามันจะเกิดขึ้นอีกถ้าผมต้องการสถิติที่ดีขึ้นในทุก ๆ ครั้งที่ผมลงแข่งขัน แต่เมื่อจุดสูงสุดของผมเหมือนจะผ่านพ้นไปแล้ว ความที่ผมเองอาจจะต้องยอมแพ้ให้กับตัวเองในวัยหนุ่ม เปลี่ยนมาแข่งขันกับคนรอบข้าง เปลี่ยนมาตั้งเป้าหมายใหม่ ๆ สถิติใหม่ ๆ ที่เหมาะสมกับกลุ่ม V40 อย่างผม ความกดดันในระดับที่จะต้อง “ทรมาน” มันก็ค่อย ๆ หมดไปจนวันหนึ่งผมเองก็เริ่มหาเป้าหมายใหม่ให้ตนเอง

IMG_7455

วันหนึ่งเพื่อนสนิทสมัยเรียนมัธยมมาชวนให้ตั้งทีมเพื่อวิ่งผลัดข้ามประเทศ ที่เรียกว่า O2O ผมคิดว่ามันฟังดูแล้วตื่นเต้นท้าทายดี จึงพยายามฟอร์มทีมขึ้นมาซึ่งก็ไม่ง่ายนักเพราะไอเดียที่จะวิ่งกันในเวลาเที่ยง วิ่งกันข้ามวันข้ามคืน วิ่งผลัดระยะสั้น ๆ ที่รวมระยะของแต่ละคนแล้วไม่เกิน 30K นั้นมันดูช่างไม่ “ท้าทาย” เอาเสียเลย แต่โชคดีที่ทีมได้ถือกำเนิดขึ้น และผมได้พบกับเหตุผลใหม่ของกิจกรรมอดทด กิจกรรมนี้ทำมาแล้วสองปี ได้ทำให้ผมได้ไปสนิทอีกครั้งกับเพื่อนเก่า ๆ ที่ร้างราจากกันมานาน กิจกรรมนี้ถือเป็นต้นกำเนิดของทีม Very Forty ที่เพื่อนในกลุ่มนี้อยากมีการรวมตัวเพื่อเข้าแข่งขันไตรกีฬาในรายการกรุงเทพไตรกีฬา ผลลัพธ์ของกิจกรรมที่ผมได้ดูเหมือนว่าจะสร้างผลกระทบได้กว้างขวางขึ้น มีเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนมารวมตัวกันแสดงจุดยืน สร้างตัวตน แสดงตัวเป็นแบบอย่างของการใช้ชีวิต active ที่ผมต้องรับว่าเป็นอีกความสุขหนึ่งที่ทำให้ผมมุ่งมั่นทำกิจกรรมเหล่านี้มากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าการเผยตัวตนในครั้งนี้เริ่มทำให้อีกหลาย ๆ คนมองเห็นผมเป็นคน “บ้า”

L1010355

ผมเริ่มร่วมการแข่งขันจักรยานทางไกล เริ่มขยายระทางทางของไตรกีฬา และเริ่มสนใจระยะมาราธอน เนื่องจากเป็นระยะทางใหม่ ๆ ทุก ๆ ครั้ง ทุก ๆ ก้าวที่ผมทำลงไปมันเป็นสถิติใหม่ไปทั้งสิ้น แม้ว่าผมยังไม่เห็นเหตุผลที่ชัดเจนในการทำมันลงไป ผมยังได้ป้อนอาหาร ego ส่วนตัวของผมด้วยสถิติใหม่ ๆ เช่น Sub5 Marathon, 6:08 Hr Half-Ironman เป็นต้น จนวันหนึ่งเพื่อนแจ๊คแนะนำให้ผมรู้จักกับ Festive500 ที่ต้องปั่น 500K ภายใน 8 วันช่วงปลายปี สำหรับคนปั่นระยะ 80-100K การที่จะทำแบบนี้ต่อเนื่องทุก ๆ วันสร้างความท้าทายใหม่ ๆ ให้กับผม และก็ไม่ผิดหวังเมื่อผมร่วมคำท้าแล้วต้องถามกับตัวเองวันแล้ววันเล่าที่ต้องตื่นมาปั่นระยะ 80-100K โดยไม่สนว่าฝนจะตกหรือแดดจะออก เพื่อนคนเดียวกันนี้ก็แนะนำให้ผมรู้จักกับ Audax กิจกรรมอดทนในรูปแบบใหม่ที่ไม่ต้องแข่งกับใคร ไม่สนใจสถิติ มาด้วยใจกับคิวชีทเป็นพอ ผมกระโดดเข้าหาแล้วก็ติดมันงอมแงม มันเป็นการปั่นระยะที่ไกลมากขึ้น 200 300 400 600 ซึ่งต้องมีเรื่องของการกิน การพัก การนอนเข้ามาเป็นส่วนร่วมของความท้าทายนั้น ๆ ด้วย ดูเหมือนว่าในช่วงนี้ผมเริ่มได้เป้าหมายใหม่ของกิจกรรมอดทน นั่นก็คือ “ท้าทาย”

IMG_6245

อย่างไรก็ตามยังมีคำถามจากบุคคลภายนอกอีกในเรื่องของค่าใช้จ่าย นอกเหนือจากความเหน็ดเหนื่อยแล้ว ยังไม่ค่าใช้จ่ายในกิจกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องอีกเยอะมาก ทำให้ผมเริ่มมองในมุมมองของทางด้านการเงินบ้าง แต่ไม่ทราบว่ามันมีอะไรที่ดลใจให้ผมจัดการกับปัญหาด้วยการตั้งกองทุนในชื่อลูกสาวที่เสียไปของผม ชื่อว่า กองทุนเพื่อซูริ ในการที่จะระดมเงินไปบริจาคให้กับหน่วย NICU โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ สถานที่ที่ลูกสาวคนนี้ของผมถือกำเนิดและเสียชีวิต ด้วยความหวังไกล ๆ ว่าเงินเหล่านี้อาจจะช่วยให้ลูกตัวน้อยของคนอื่นมีโอกาสกลับบ้านไม่เป็นเช่นลูกสาวของผม ผมจึงพยายามสร้างความสัมพันธ์ุระหว่างกิจกรรมอดทนและเงินบริจาคเพื่อกองทุนขึ้นในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อที่จะเป็นคำตอบหนึ่งในด้านการเงิน ซึ่งหลาย ๆ กลุ่มที่มีความเห็นตรงกันก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ยกตัวอย่างเช่น กลุ่ม Run4ManyReasons ของพี่ย้ง เป็นต้น

IronmanLangkawiForZuri

ความ “ท้าทาย” ใหม่เข้ามาอีกครั้งเมื่อผมต้องเข้ารักษาตับอักเสบด้วยการฉีดยาอินเตอฟูรอน 48 เข็ม ผมจึงสมัครแข่งขันไอรอนแมนทันที แม้ว่าผมจะไม่คิดว่าจะลงรายการระยะนี้ในสภาพที่ผมไม่แน่ใจว่าผมสามารถวิ่งได้ไกลเพียงใด ผมดีใจที่การตัดสินใจพุ่งเข้าชนกับโรคร้ายและการรักษาอันหฤโหดนั้นได้สร้างแบบอย่างและกำลังใจให้กับผู้ป่วย หรือผู้พักฟื้นอีกหลายคน แม้ว่าในด้านของการวิ่งนั้น หลังจากผมแตะระยะมาราธอนแรกแล้ว ผมก็ขยายเป็นระยะอัลตราที่ TNF 50K แต่ทำให้อาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังกำเริบ การวิ่งระยะ 10K 15K 21K กลายเป็นความท้าทายอีกครั้ง ขอแค่เพียงได้วิ่งครบระยะ ผมเก็บความท้าทายแบบผู้ป่วยกายภาพของผมอย่างเงียบ ๆ เพราะความผิดหวังในการ DNF ครั้งแรกในชีวิตที่สนามไอรอนแมนลังกาวี ก่อนที่จะประกาศชนกับมันอีกครั้งด้วยการวิ่งจอมบึงมาราธอน เพียงแต่บอกคนรอบข้างว่าผมต้องการวิ่งช้า ๆ ในใจเพียงคิดว่าต้องการวิ่งให้ถึงเป็นเท่านั้น ซึ่งในเวลานี้ผมต้องยอมรับว่า มันยังคงเป็นความ “ท้าทาย” สำหรับผมอยู่ดี

Week2

ในขณะเดียวกันที่ผมไม่สามารถเร่งความเร็วได้ดั่งใจ ผมจึงเริ่มหาความแปลกใหม่เพื่อมาเติมเต็มให้จิตใจผมอีกครั้งในกิจกรรมอดทนที่แทบไม่มีความหวังจะสร้างสถิติ เมื่อความท้าทายลดคุณค่าเหลือเพียงที่จะ “วิ่ง” ได้จนครบระยะ ผมเริ่มอาสาวิ่งเก็บขยะ ในงานภูเก็ตมาราธอน ในระยะฮาร์ฟ ที่ทำให้ผมได้รู้จักกับพี่ย้ง กล้วยหอม ผมเข็นรถ trailer ขนลูก ๆ สัมผัสบรรยากาศสงลามาราธอนในระยะฮาร์ฟ และสุดท้ายวิ่งแจกตุ๊กตาในงานจอมบึงมาราธอน ที่ระยะฟูลมาราธอน แม้ว่า ณ เวลานี้ ผมยังไม่สามารถ “วิ่ง” ได้จนครบระยะ แต่ผมก้าวข้ามความ “ท้าทาย” ในแต่ละขั้นมาเรื่อย ๆ ช้า ๆ อย่างมั่นคง

L1040269

ผมร่ายยาวมาจนถึงย่อหน้าสุดท้าย ผมเองยังไม่แน่ใจว่าผมได้คำตอบหรือยัง ว่าผมทำกิจกรรมอดทนเหล่านี้ไปทำไม มีความเป็นไปได้ว่าผมอาจจะต้องค้นหามันไปตลอดชีวิต เฉกเช่นคำถามที่ว่า มนุษย์เราเกิดมาเพื่ออะไร แม้ว่าผมจะเล่าให้หลาย ๆ คนด้วยเหตุผลต่าง ๆ กัน ไม่ว่าอาการเจ็บหลังที่กำเริบจนไม่สามารถอุ้มลูกชายคนแรกอาบน้ำได้ สุขภาพที่ย่ำแย่จากการโหมทำงานหนักจนแม้กระทั่งเดินขึ้นบันไดหอบ หรือการที่จะสร้างแบบอย่างให้กับลูก ๆ ในการใช้ชีวิตแบบมีสุขภาพ ไปจนกระทั่งเหตุผลเนื่องจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาจนอายุเฉลี่ยเรายาวนานขึ้นและผมไม่ต้องการที่จะใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตบนเตียง เหตุผลเหล่านี้อาจจะเติมเต็มให้กับผู้สงสัย ผู้ตั้งคำถาม แต่ผมรู้ดีว่าสำหรับผมนี่มันเป็นเพียงผลพลอยได้  Why we do what we do? The answer my friend is blowing in the wind.           

Ocean to Ocean : 140K:13Hrs:Life time of friendship

IMG_5126

เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2555 นี้ทำให้ผมอยากบันทึกความรู้สึกนี้เอาไว้ ก่อนที่จะบันทึกเหตุการณ์ใหญ่ อย่างการแข่งขัน Ironman 70.3 ครั้งแรกในชีวิตเสียด้วยซ้ำ แม้ว่าผมจะไม่เคยมีความคาดหวังใด ๆ เลยนอกจากการวิ่งระยะสั้น ๆ ไม่เกิน 17Km ที่แบ่งออกเป็นสามผลัด ​ซึ่งนับว่าสั้นมาก ๆ สำหรับคนที่ซ้อมวิ่งสม่ำเสมออย่างผม รายการนี้มีชื่อย่างเป็นทางการว่า 8th Thailand Ocean to Ocean (Sunrise to Sunset) ซึ่งเพื่อนตั้งแต่สมัย ม.ปลาย ที่หันมาออกกำลังกายด้วยการวิ่ง แนะนำพร้อมยัดเยียดตำแหน่ง CRO (Cheif Running Officer) มาให้ ผมเองไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพราะรายการนี้แข่งภายหลังจากรายการ Ironman  70.3 ที่เป็นรายการที่ผมให้ความสำคัญที่สุดหนึ่งสัปดาห์ อีกทั้งพื้นที่การแข่งขันนั้นคือ สงขลา ไม่ไกลจากบ้านที่ปัตตานีของผมเท่าไรนัก

หน้าที่ของผมคือ หารายละเอียดเกี่ยวกับการแข่งขัน เนื่องจากรายการนี้เป็นรายการวิ่งผลัด ข้ามประเทศไทย จากมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังมหาสมุทรอินเดีย ระยะทางรวมโดยประมาณ 140Km จำกัดเวลาตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ตกดิน (ไปแล้วไม่เกิน 1 ชั่วโมง) เส้นทางที่ใช้วิ่งในปีนี้จะวิ่งจาก หาดแก้ว จังหวัดสงขลา ไปจนถึง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จังหวัดสตูล โจทย์แรกของผมคือ ผมต้องเตรียมทีมของเราให้เข้ากับหมวดอะไรของการแข่งขัน เพราะการแบ่งหมวดในการแข่งขันนั้นมีทั้งแบ่งตามอายุรวม สัดส่วนระหว่างเพศ ในฐานะของ CRO ที่ถูกมัดมือรับมาแล้ว ก็มีเพื่อนต่อที่เป็นคนแนะนำรายการรวมแล้วเป็นสองคนเท่านั้น สำหรับทีมที่ต้องการนักวิ่งถึง 8 คน กิจกรรมประหลาด ในพื้นที่ห่างจากกรุงเทพฯ ถึง 1000Km ในใจผมไม่เคยคิดว่าการรวมทีมของผมจะประสบความสำเร็จได้โดยง่ายอย่างน่าอัศจรรย์

L1010356

ใน 6 คนที่เหลือผมนึกถึงโด่งคนแรกเนื่องจากเป็นคู่หูวิ่งทัวร์ของผม หลังจากนั้นผมก็นึกถึงหมอนกเป็นคนต่อไป เพราะเป็นคนที่รักการวิ่งพร้อมทั้งเป็นคนในพื้นที่ โชคดีที่ว่าสี่คนแรกของทีมตอบกลับมาอย่างรวดเร็วกำลังใจผมจึงดีขึ้น ผมติดต่อตุ๊เป็นคนต่อไปเพราะคิดว่าเป็นคนที่มีนิสัยชอบการท้าทาย และรายการอย่างนี้ตุ๊น่าจะสนใจ หลังจากนั้นจึงติดต่ออำนวยเป็นคนถัดไป อำนวยแม้ว่าเป็นนักวิ่งทัวร์มืออาชีพ ผมก็มีความหวังเพียงครึ่งเดียวเนื่องจากรายการวิ่งของอำนวยค่อนข้างจะมีมาก อาจจะชนกับรายการใดรายการหนึ่งก็เป็นไปได้สูง อย่างไรก็ตามทั้งสองคนนี้ก็ตอบผมมาอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงสองตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งผมค่อนข้างหนักใจพอสมควรเพราะผมไม่รู้จักใครที่ชอบวิ่งอีกแล้วนอกเหนือจากชื่อต่าง ๆ ที่ผมกล่าวไปก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตามณัฐ (ณัฐวุฒิ) นักว่ายน้ำทีม Ironman 70.3 ปีที่ผ่านมาของผม หันมาวิ่งบ่อยขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ผมเห็นกิจกรรมผ่านเฟสบุ๊กของณัฐ ในหลาย ๆ งาน 10K และงานอดิดาส 16K ผมจึงสอบถามไป ณัฐตอบกลับมาอย่างรวดเร็วภายหลังตรวจสอบตารางงานของเขา นอกจากนี้ยังเสนอรถตู้ประจำทีมให้เราอีกหนึ่งคัน ผมโล่งใจเป็นอย่างมาก เพราะเหลืออีกเพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น ผมใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงในการเตรียมทีมที่คิดว่าจะเตรียมได้ยากลำบากที่สุด แทนที่ผมจะใช้ข้อมูลจากการแข่งขันมาเตรียมทีมที่พร้อมที่สุด แต่ผมนึกถึงใคร ๆ ที่ผมมองแล้วน่าจะมีความสุขกับกิจกรรมนี้แล้วจึงติดต่อไป ทีมจึงเกิดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามตำแหน่งสุดท้ายเป็นตำแหน่งที่ผมจนตรอกจริง ๆ ผมไม่มีใครที่ผมรู้จักที่ผมคิดว่าจะให้ความสนใจกับงานลักษณะนี้ ผมจึงโทรไปหาอำนวยเพื่อให้เขาช่วยหาเพื่อนก๊วนวิ่งของเขามาเสริมให้ครบทีม แต่เขากลับแนะนำแก้ว เพื่อนเก่าสมัยมหา’ลัยของผม เนื่องจากผมไม่เคยรับรู้เรื่องราวการหันมาวิ่งของแก้ว ผมจึงฝากให้อำนวยไปหักคอแก้วมาให้กับทีม ซึ่งอำนวยก็ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว ตั้งแต่ตอบโอเคไปจนถึงซื้อตั๋วเครื่องบินของแก้ว อำนวยจัดการให้ทั้งระบบ

IMG_3983

ผมตั้งทีมนักวิ่งทั้ง 8 ได้ภายในเวลาข้ามคืน ทั้งวิ่งทั้งหมดต้องเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ด้วยวิธีต่าง ๆ มีผมเพียงคนเดียวที่อยู่ในพื้นที่ เพียงเท่านี้มันก็น่าประทับใจมากแล้ว ในความเป็นจริงแม้ว่ากระบวนการหา 8 คนในทีมจะไม่ได้เป็นเช่นนี้โดยตรง คือ ในความจริงผมประกาศในเฟสบุ๊ค ไปคราวเดียว 5 คนแรก แล้วค่อย ๆ ตามคนที่เหลือ แต่ในใจผมรู้สึกเหมือนที่ผมได้เล่ามาข้างต้น ผมทำการประกาศอย่างเป็นทางการถึงผู้ร่วมทีมทั้งหมด ทำการแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้ทุกคนในทีมได้รู้จักกันอย่างคร่าว ๆ และถ้าเป็นได้ทำความรู้จักกันผ่านเฟสบุ๊คในเวลาประมาณสองเดือนที่เหลือ การแนะนำตัวทุก ๆ คนเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างไม่เป็นทางการ น่าจะทำให้ทุก ๆ คนมีความรู้สึกอยากรู้จักกันมากขึ้น  การนั่งรถทีมด้วยกันทั้งวันน่าจะมีการปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นถ้าทุก ๆ คนรู้จักกันมากขึ้น ทีมนี้มาจากเพื่อนสองกลุ่มของผมคือ เพื่อนสมัยมัธยมและเพื่อนสมัยวิศวะจุฬา แต่มีน้อยคนที่เคยอยู่กลุ่มเดียวกัน แต่ด้วยคาร์แรคเตอร์ของแต่ละคนที่ผมเลือกมา ล้วนแล้วแต่ easy going กันทั้งนั้น งานนี้จึงไม่น่าจะมีเกร็ง

ผมตัดสินใจใช้ชื่อทีมว่า iFAST Master เพื่อแลกกับการเข้าร่วมทีมของตุ๊ แม้ว่าผมค่อนข้างมั่นใจว่าตุ๊น่าจะมาแน่ ผมก็ยังยืนยันที่จะเสนอชื่อทีมเช่นนี้ เนื่องจากตุ๊กำลังเริ่มธุรกิจสอนภาษาของเขาและกำลังอยู่ในช่วงประชาสัมพันธ์อย่างหนัก ถ้าเขาอยากจะได้อีเวนท์นี้เพื่อประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ ผมก็จะดีใจ หลังจากนั้นผมก็สมัครเข้าร่วมวิ่งในทันที ข้อมูลของงานมีน้อยมาก แต่ผู้จัดงานให้เบอร์ส่วนตัวเอาไว้ และสามารถตอบคำถาม และปลอบขวัญทีมวิ่งมือใหม่อย่างเราได้อย่างดี ผมใช้เวลาอีกสองเดือนค่อย ๆ ทะยอยเตือนลูกทีม เป็นระยะ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวซ้อม อุปกรณ์การวิ่งที่ผมคิดว่าน่าจะประกอบไปด้วยชุดวิ่งอย่างน้อย 3 ชุด เปลี่ยนทุกผลัด เพราะงานนี้ระยะทาง 140Km จะมีการวิ่งรวมทั้งหมด 24 ผลัด ระยะทางผลัดละประมาณ 5-7Km สลับกันตามตำแหน่ง และห้ามมีการเปลี่ยนในระหว่างการแข่งขัน ดังนั้นแต่ละคนจะต้องรอประมาณ 3-4 ชั่วโมงในการที่จะกลับมาวิ่งในแต่ละผลัด ผมแนะนำให้ทุกคนมีระบบป้องกันความร้อนของตัวเอง ซึ่งผมแนะนำการใช้หมวกและแว่นกันแดด

IMG_3990

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว บางคนในทีมมีโอกาสเจอกันหลายครั้ง ตามงานวิ่งต่าง ๆ เช่น กรุงเทพมาราธอน อยุธยาฮาร์ฟมาราธอน เป็นต้น จนกระทั่งการแข่งขันคืบใกล้เข้ามา ณัฐวุฒิคอนเฟิร์มอีกครั้งแต่เปลี่ยนจากรถทีมเจ็ดที่นั่งที่เสนอมาในคราวแรกเปลี่ยนมาเป็นรถตู้สิบที่นั่งพร้อมคนขับ ทำให้ผมโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย เนื่องจากในการแข่งขันระยะทางกิโลเมตรสุดท้าย ทั้งแปดคนในทีมต้องลงมาวิ่งเพื่อเข้าเส้นชัยพร้อมกัน เราวางแผนที่จะจอดรถทิ้งไว้ในคราวแรก แต่เมื่อมีคนขับรถปัญหานี้ก็หมดไป เมื่อการแข่งขันเข้ามาถึงเราทุกคนก็เริ่มเข้าใจและเห็นถึงความเสียสละของผู้ร่วมทีมแต่ละคน ทีมที่แทบไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เราไม่ได้เป็นแกงค์ใหญ่ตั้งแต่สมัยเรียน เรารู้จักกันบ้างเล็กน้อยในสมัยเรียน แต่สิ่งที่ทุกคนทุ่มให้กับทีมนั้นมันช่างน่าประทับใจจริง ๆ

เริ่มตั้งแต่ณัฐวุฒิที่เสนอรถตู้ให้กับทีมแบบไม่ลังเล มิหนำซ้ำก่อนเริ่มการแข่งขันภรรยาของณัฐวุฒิตรวจพบมะเร็งในต่อมน้ำเหลืองและต้องรักษาด้วยคีโมเธอราพี แม้กระทั่งคืนล่วงหน้าก่อนการแข่งขันยังเป็นวันที่ต้องเข้าบำบัดครั้งที่สาม ณัฐวุฒิต้องเดินทางจากโรงพยาบาลมาวิ่งและกลับจากการวิ่งไปที่โรงพยาบาล นับว่ามีสปิริตสูงอย่างหาคำบรรยายไม่ได้ หมอนกที่จริง ๆ แล้วมีตั๋วเดินทางไปเชียงรายกับคุณหมอผู้เป็นสามี เวลาว่างสั้น ๆ ของครอบครัวหมอที่มีเพียงน้อยนิด หมอนกตัดสินใจแยกกันเดินทางโดยปล่อยให้สามีไปเที่ยวเชียงรายคนเดียวในขณะที่หมอนกจะต้องมาออกแรงกันที่สงขลา ตุ๊ต้องงดตารางการสอนสุดแน่น ในทีมเรามีไม่กี่คนมีโอกาสได้ซ้อมกันอย่างสม่ำเสมอ มีไม่กี่คนเคยวิ่งระยะฮาร์ฟมาราธอน มีหลายคนที่เพิ่มเริ่มวิ่งเป็นปีแรกในชีวิต แก้วเพิ่งเดินทางกับจากฟิลิปปินส์ตอนเที่ยงคืนก่อนที่จะเดินทางต่อมาสงขลาในเช้าวันถัดไป ความร่วมมือกันของทุกคนในทีมโดยไม่นำเสนอปัญหามาเป็นโจทย์ และรักษาสัญญาอย่างไม่อิดออด ตั้งแง่กัน เหมือนที่ผมพบในบรรยากาศการทำงานในระบบราชการของผม ในฐานะ CRO อย่าง ผมภาคภูมิใจในเพื่อนร่วมทีมทุกคนเป็นอย่างมาก แม้เป็นงานที่ต้องใช้กำลังกายเป็นหลัก แต่ทุกคนมาด้วยใจ กายเป็นทาศ เราคงได้รับรู้กันที่งานวิ่งนี้

L1010394

ผมจัดที่พักให้กับทีมในหาดใหญ่เนื่องจากสมาชิกของทีมเดินทางมาจากกรุงเทพ ด้วยเครื่องบินโดยทะยอยกันมา ยกเว้นตุ๊กับต่อ ที่เลือกที่จะนั่งลงมาพร้อมกับรถตู้ แม้ว่าการพักในพื้นที่สงขลาจะสะดวกในการเริ่มวิ่งเนื่องจากไม่ต้องตื่นเช้าจนเกินไป แต่ด้วยการที่จะต้องไปรับไปส่งเพื่อนร่วมทีมที่สนามบินหลาย ๆ เที่ยวทั้งไปและกลับนั้น การพักที่หาดใหญ่ดูจะสมเหตุสมผลมากกว่า เชอร์รี่ ภรรยาผมรับหน้าที่หาที่พักอีกตามเคย การจัดจำนวนห้องผมจัดเองตามความที่ผมเห็นเหมาะสม ตามเที่ยวที่แต่ละคนจะบินเข้ามา บางคนก็อยู่เดี่ยวบางคนก็แชร์ห้อง แม้ว่าผมจะรู้สึกชิน ๆ กับการลุ้นว่าแต่ละครั้งโรงแรมที่เชอร์รี่จัดหานั้นจะหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะดูเหมือนเธอจะมีความสุขกับการเปลี่ยนที่พักไปเรื่อย ๆ แต่คราวนี้ผมแอบมีเกร็ง เนื่องจากมีคนที่จะต้องมาพักกันหลายคน แต่ผลที่ได้ค่อนข้างน่าประทับใจ โรงแรมที่พักน่ารัก ราคาเหมาะสม คิดว่าหลาย ๆ คนก็คงจะเห็นด้วยกับผม

L1010378

วันลงทะเบียนค่อนข้างยุ่งเหยิง เนื่องจาก race briefing ที่จัดที่สงขลามีการเลื่อนเวลาจากบ่ายสามโมงไปเป็นห้าโมง กลุ่มเดินทางเข้ารอบเย็นคือโด่งและหมอนกต้องใช้บริการรถสาธารณะเข้าโรงแรมเองจากสนามบิน ขณะที่คนที่เหลือในทีมที่มาก่อนประกอบด้วย ผม อำนวย แก้ว และณัฐ ต้องอยู่ที่งานเพื่อฟังกติกาสำหรับงานวันรุ่งขึ้น และรับอุปกรณ์การแข่งขันทั้งหมด เราต้องลงในกลุ่มที่เรียกว่า ​Master ทั่วไป ซึ่งหมายถึงมีผู้หญิงในทีมไม่เกิน 1 คน และอายุรวมมากกว่า 320ปี ซึ่งปรากฏว่าเป็นรุ่นที่เร็วที่สุดรุ่นหนึ่งและมีทีมเข้าร่วมมากที่สุดถึง 15 ทีมรวมจากทั้งหมด 66 ทีม ปีนี้ค่อนข้างมีคนเข้าร่วมเยอะเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ความหวังที่จะมีเพียง 5 ทีมเข้าร่วมและได้ถ้วยกันทุกคนก็สลายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเรียบร้อยแล้วเราก็กลับมาที่โรงแรมเพื่อรอรถตู้ที่จะมาถึงพร้อมกับต่อและตุ๊ ก่อนที่จะออกไปทานอาหารเย็นครั้งแรกของทีมที่ร้านกันเอง อาหารร้านนี้สม่ำเสมอและไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง รวมถึงมื้อของเรานี้ด้วย เราอิ่มแปร้ไปตาม ๆ กัน ชักภาพเป็นที่ระลึกเล็กน้อย ก่อนที่จะรีบเข้านอนเพราะวันรุ่งขึ้นเราจะเริ่มกันตั้งแต่ตีสี่

สี่นาฬิกาของวันรุ่งขึ้นทุกคนมารวมพร้อมเพรียงกันพร้อมกับกระเป๋าอุปกรณ์คนละใบสองใบ ภายในกระเป๋าน่าจะประกอบไปด้วยชุดแข่งขัน 2-3 ชุด หมวก แว่น ผ้าเช็ดตัว และอาจจะมีอุปกรณ์จำเป็นตามแต่ละคนจะจัดหา ในขณะที่คนอื่น ๆ อาศัยกล้องมือถือเป็นหลักสำหรับงานนี้ แต่โด่งใช้ DSLR พร้อมอุปกรณ์เต็มรูปแบบ เราจึงมั่นใจว่างานนี้เราน่าจะได้ภาพประทับใจกลับไปคนละไม่น้อย ความตื่นเต้นปรากฏชัดบนใบหน้าของเพื่อนร่วมทีมของผมทุกคน แม้ว่าระยะทางวิ่งจะค่อนข้างสั้น แต่ด้วยความเป็นครั้งแรกของทุกคน คำถามต่าง ๆ นา ๆ ยังไม่ได้รับการตอบ เส้นทางที่มีการระบุขึ้นลงเขาจะชันมากน้อยเพียงไร อากาศที่คาดว่าจะร้อนทั้งวันเมื่อเจอเข้าจริง ๆ มันจะร้อนเท่าไร เพราะเหตุใดผู้จัดถึงให้ระยะทางวิ่งในผลัดหลัง ๆ สั้นเพียง 3-5km สั้นมากจนน่าตกใจ เพราะเราจะเหนื่อยกันมาก หรือเพราะเส้นทางจะลำบากขึ้นมาก ความไม่รู้สร้างจินตนาการให้กับนักวิ่งทุกคนในทีม ตามแต่ที่แต่ละปัจเจกชนพึงจะสรรสร้าง

IMG_3917

เราได้แบ่งผลัดการวิ่งเรียบร้อยแล้วตั้งแต่คืนล่วงหน้า ในเบื้องต้นผมต้องการให้เป็นการจับฉลาก เนื่องจากความเชื่อที่ว่าฝ่ายจัดงานน่าจะแบ่งสรรปันส่วนมาให้มีความหนักเบาสำหรับแต่ละผลัดค่อนข้างเท่าเทียมกันเป็นอย่างดีแล้ว อำนวยซึ่งเป็นสมองของทีม ด้วยนิสัยนักวางแผนทักท้วงเล็กน้อย ทางผู้จัดได้แจกตารางการวิ่งอย่างละเอียด ทั้งเส้นทาง ระยะทาง Elevation ทั้งนี้อำนวยได้ทำการคำนวณเวลาเริ่มวิ่งของแต่ละผลัดเรียบร้อยแล้ว บนสมมุติฐานว่าเราวิ่งที่ความเร็วเฉลี่ย 6 นาทีต่อกิโล หรือ 1 ชั่วโมงต่อ 10km นั่นเอง คาดว่าเราจะเข้าเส้นชัยเวลาสองทุ่มตรง เป็นระยะเวลารวม 14 ชั่วโมง อำนวยจึงอยากให้มีการศึกษาเส้นทางแล้ววางแผนให้เหมาะสมสำหรับแต่ละคน เนื่องจากผมเป็นหัวหน้าทีม และผมคิดว่าผลัดที่เจ็ดที่จะต้องวิ่งผลัดสุดท้ายต่อทันทีกับการวิ่งเข้าเส้นชัยร่วมกับทีม ที่ตอนนี้เพิ่มเป็นระยะสามกิโลเมตรจากเดิมที่เคยกำหนดไว้เพียงกิโลเมตรเดียว เท่ากับว่า ณ เวลานี้ทุกคนต้องวิ่งกัน 4 ผลัด ยกเว้นผลัดที่ 8 โดยมีผลัดที่ 7 มีเวลาพักน้อยที่สุด ผมจึงอาสาวิ่งในผลัดที่เจ็ด โดยอำนวยเสนอให้แก้ววิ่งในผลัดที่ 8 เนื่องจากแก้วเพิ่งเริ่มวิ่งมาก่อนหน้างานนี้เพียง 3 เดือน และงานกรุงเทพมาราธอนที่ผ่านมาเป็นงานวิ่งแรกของแก้วในระยะทางเพียง 10Km แต่วันนี้แก้วจะต้องวิ่งรวมโดยประมาณ 17Km (ในขณะที่คนอื่นต้องเพิ่มอีกสามกิโลเป็น 20Km โดยประมาณ)

L1010384

ผมเสนอให้หมอนกเป็นผลัดที่หนึ่ง เนื่องจากเห็นว่าเป็นสุภาพสตรีเพียงคนเดียวของทีม และเมื่อดูจากเวลาที่จะต้องเริ่มวิ่งแล้วผลัดนี้มีโอกาสเจอกับผลัดร้อน ๆ เพียงผลัดเดียว ในขณะที่ผลัดอื่น ๆ มีแนวโน้มที่จะต้องเจอความร้อนมากกว่า อีกทั้งในงานกรุงเทพมาราธอนที่ผ่านมาหมอนกทำเวลาได้ดีที่สุดในทีม นั่นคือความคิดแรกของผม แม้ว่าจะไม่เป็นจริงเท่าไรนักเพราะในที่สุดเราพบว่าในทุก ๆ ผลัดจะเจอความร้อนจริง ๆ ในผลัดที่ 2 เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ตำแหน่งที่เหลือถูกตุ๊จัดให้อย่างรวดเร็วตามลำดับการนั่งรับประทานอาหารเย็นนั่นเอง ณัฐผลัดที่สอง ตุ๊ผลัดที่สาม ต่อผลัดที่สี่ อำนวยผลัดที่ห้า และโด่งผลัดที่หก เมื่อทุกคนได้ผลัดตัวเองเรียบร้อยแล้ว อำนวยก็วิเคราะห์ทีมอีกครั้งพร้อมกับประกาศว่าผลัดที่สองนั้นมีระยะวิ่งตอนเที่ยงยาวถึง 9 กิโลเมตร ท่าทางจะหนักกว่าคนอื่น ผลัดเจ็ดอย่างผมอาจจะเบากว่าหรือเปล่า ผมจึงอาสารับผลัดที่สองแต่ ณ เวลานี้ ณัฐไม่ยอมเปลี่ยนอีกแล้ว เมื่อแต่ละคนได้รับความท้าทายส่วนบุคคลไปเรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครต้องการที่จะยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม ผมเข้าใจดี เราจึงเรียงผลัดกันตามนี้

IMG_3989

เช้านี้หมอนกต้องวิ่งเป็นคนแรก เราต้องรีบเข้าไปที่หน้างานเพื่อรับกล้วยและน้ำแข็งที่เขาจะแจกให้กับรถประจำทีม แต่กลับพบว่าเรามาไม่ทัน กล้วยและน้ำแข็งไม่เหลือให้เราตุนเสียแล้ว เรามีเพียงแต่กระติกน้ำเปล่า ๆ สามกระติก น้ำเปล่าสองโหล น้ำดื่มเกลือแร่และน้ำอัดลมนิดหน่อย ผู้จัดปลอบใจเราว่าตามทางมีร้านสะดวกซื้อมากมาย และในผลัดที่ห้าทางผู้จัดเหมาน้ำแข็งที่เป็นโรงน้ำแข็งเอาไว้แล้ว ไม่มีวันหมดแน่นอน เราจึงตัดสินใจไปใช้เวลากับการถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ในขณะที่หลายทีมโดยเฉพาะต่างชาติที่เตรียมตัวมาไม่พร้อมมีการโวยวายเล็กน้อย เนื่องจากบางทีมไม่มีแม้แต่น้ำดื่ม แต่ทีมเรามีแม้กระทั่งขนมปังที่เป็นอาหารเช้า เกลือแร่ ขาดแต่เพียงกล้วยและน้ำแข็งที่แจกฟรีก็เท่านั้น ประสบการณ์ในงานวิ่งหลาย ๆ งานของพวกเราบอกเราว่าเรื่องน้ำและอาหารต้องเตรียมเองให้พร้อม จะหวังพึ่งผู้จัดนั้นมีความเสี่ยงสูงมาก

เมื่อเวลาปล่อยตัวของรุ่น Master ทั่วไปมาถึง ทุก ๆ คนในทีมเริ่มรู้สึกผิดที่จัดให้หมอนกเป็นไม้แรก ทีมอื่น ๆ ในรุ่นนี้ ค่อนข้าง competitive ทุกทีมดูเหมือนจะจัดให้ไม้แรกเป็นตัวจัด ๆ ดูจากหุ่น อายุ ของไม้แรกของแต่ละทีมแล้ว หมอนกซึ่งเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวน่าจะเจอกับศึกแรกที่หนักหนาสาหัสพอตัว การสร้างระยะห่างแรกในการวิ่งแข่งนั้นถือว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญของนักวิ่ง เพราะเมื่อเห็นหลังไกล ๆ ของนักวิ่งคนอื่นที่ค่อย ๆ เพิ่มระยะห่างออกไปทำให้ความเร็วของเราตกลงอย่างน่าตกใจ ทุก ๆ ทีมดูเหมือนต้องการสร้างบรรยากาศเช่นนั้น เขาต้องการมาห้ำหั่นกันในการแข่งขันนี้จริง ๆ เสียงแตรปล่อยตัวดังขึ้น เวลา 6 โมงตรง เป็นไปตามคาดทุก ๆ คนวิ่งออกตัวเร็วแทบไม่คิดชีวิต ผมคิดในใจยังเหลืออีกกว่า 13 ชั่วโมงจะรีบไปไหนกัน ทีมรีบขึ้นรถทีมโดยยังงง ๆ กันอยู่ว่าหน้าที่ของรถประจำทีมคืออะไรกันแน่ เราจึงตกลงกันว่าไปรอด้านหน้าที่ระยะทาง 3km เนื่องจากเราไม่ได้ทำการ reset หน้าปัดวัดระยะ เบรคแรกที่เราจอดรอหมอนกจึงเป็นระยะทางเดา ๆ เท่านั้น

L1010401

หมอนกทำเวลาได้ดีมาก แซงขึ้นมาประมาณสองทีม ทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่ 13 ที่เบรคแรกหมอนกบอกว่าเหนื่อย วิ่งกันเร็วมาก ของเบรคเร็วหน่อย เราจึงตัดสินใจว่าจะเบรคเร็วขึ้น แต่ขับไปไม่ทันไรก็จึงระยะ 1Km เปลี่ยนผลัดซึ่งเราจะไม่สามารถให้น้ำเกินระยะนี้ได้ เราจึงตัดสินใจจอดที่ระยะ 1Km ให้น้ำหมอนกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะรีบขับไปส่งณัฐลงทะเบียนรอเป็นผลัดต่อไป เราเริ่มจับทางได้แล้ว รถทีมตกลงกันว่าจะจอดในระยะ  2-3Km และให้น้ำเปล่าหรือเกลือแร่ตามแต่นักกีฬาจะร้องขอไว้ก่อนเริ่มวิ่ง เราเริ่มเห็นความตึงเครียดของนักวิ่งแต่ละคนในทีม บรรยากาศในการแข่งขันมีค่อนข้างสูง ดูเหมือนทีมอื่น ๆ จะวิ่งกันเร็วมาก หมอนกจบผลัดแรกที่ความเร็วเฉลี่ย 5:40 นาที นับเป็นเวลาที่ดีมาก เราซื้อน้ำแข็งจำนวนหนึ่งทันที่ที่เราเจอร้านค้า น้ำเย็น ๆ สำหรับนักวิ่ง มันเป็นของที่เข้ากันได้ดีมาก ๆ และเราก็ไม่ผิดหวังณัฐจบผลัดแรกที่ความเร็วมหัศจรรย์ไม่แพ้กัน เรามีลุ้นกันครั้งแรกเมื่อม้าเร็วอย่างตุ๊วิ่งเก็บทีมอื่น ๆ ได้อีก 3-4 ทีมด้วยความเร็วเพียง 5:03 นาที เร็วสุด ๆ ผลัดแรกทุก ๆ คนพยายามกันอย่างสุดความสามารถ เพื่อนร่วมทีมเริ่มรู้หน้าที่ คนยื่นน้ำ ยื่นเกลือแร่ ถ่ายรูป เปลี่ยนชุดสำหรับผลัดต่อไป เก็บขวดน้ำคืน และอื่น ๆ ทีมของเราเรียนรู้กระบวนการอย่างรวดเร็วสมกับเป็นทีมชั้นนำของประเทศ ถ้าวัดกันตาม IQ แล้วอลังการณ์จริง ๆ บรรยากาศเครียด ๆ หายไปอย่างรวดเร็ว ทุก ๆ คนทำหน้าที่ของแต่ละคนอย่างไม่มีที่ติ โดยไม่ได้มีการจัดสรร ตำแหน่งหน้าที่ใด ๆ กันเลยล่วงหน้า แต่ดูเหมือนว่าทุกคนรู้ว่านักวิ่งจะต้องการอะไร และเขาจะทำอะไรให้กับนักวิ่งได้บ้าง ความสนุกค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ผลัดที่สอง สาม สี่ที่มีต่อเป็นคนวิ่ง เราก็มั่นใจได้เนื่องจากเป็นนักวิ่งที่มีประสบการณ์สูง ต่อด้วยผลัดที่ห้าอำนวยสมองของทีมทำเวลาเข้ามาเร็วขนาดว่าตัวอำนวยเองยังต้องแปลกใจ โด่งรับไม้ต่อจากอำนวยเพื่อเข้าชิงตำแหน่งอุปกรณ์ดีเด่น ด้วยชุดวิ่งที่หลุดออกมาจากแมกกาซีน มีทั้งหมวก เสื้อ กางเกง color coordination พร้อมกับความเร็วที่พกมาเร็วจนน่าใจหาย จากที่เคยคิดกันว่าวิ่งกันคนละผลัดแต่ละผลัดห่างกันสี่ชั่วโมง ระหว่างรอคงเซ็งน่าดูไม่มีอะไรทำ กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย

ความรู้สึกแรกของทุกคนก่อนเริ่มวิ่ง เป็นไปเหมือน ๆ กันว่า เรามาทำบ้าอะไรกันวะ นั่งอยู่บ้านดี ๆ ไม่ชอบ มาหาเรื่องกันแบบนี้ทำไม กลับหายไปอย่างรวดเร็วทันที่ที่เราก้าวเท้าแรกทำหน้าที่ผลัดของเราเพื่อทีมของเรา สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันน่าประทับใจเสียจริง ๆ เรามาถึงผลัดที่ห้าเพื่อรับน้ำแข็ง แต่ก็พบว่าไม่ทันอีกเช่นเคย แต่เนื่องจากเป็นโรงน้ำแข็งจริง ๆ เราจึงตัดสินใจซื้อน้ำแข็งถุงใหญ่ บรรจุเต็มกระติกน้ำทั้งสามของเรา ผมซื้อเครื่องดื่มเกลือแร่เพิ่มเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่ามีหลายคนเลือกใช้เครื่องดื่มเกลือแร่ ทีมของเราตัดสินใจสั่งแซนวิชจาก 7-11 เนื่องจากไม่แน่ใจว่าอาหารเที่ยงที่ผลัดที่ 8 นั้นจะหมดไม่เหลือเหมือนกับจุดแจกเสบียงอื่น ๆ ที่ผ่านมาหรือไม่ จากผลัดที่ 5 นี้รถทีมของเรามีน้ำอาหารเพียบพร้อมที่จะตะลุยกันถึงวันรุ่งขึ้นเลยทีเดียว ผมลงวิ่งในผลัดที่ 7 ที่เวลาประมาณ 10โมงกว่า ๆ ระยะทาง 7.34Km ด้วยเวลาเพียง 34 นาที ความเร็ว 4:47นาที ที่ผมเองไม่เคยทำได้มาก่อนในชีวิต ความรู้สึกที่จะต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่อย่างที่ทุก ๆ คนได้ทำให้เห็น ความรู้สึกรับผิดชอบในฐานะ CRO ในฐานะที่เป็นคนที่มีชั่วโมงซ้อมสูงที่สุดคนหนึ่ง และตุ๊ทำไว้เร็วมาก ๆ ผมจึงวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ช่วงกิโลเมตรสุดท้ายอากาศเริ่มร้อนขึ้นอย่างชัดเจน ผลัดที่ 8 อย่างแก้วรับไม้แรกไปอย่างโหด ๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วเราพบว่าอุปสรรคที่สำคัญที่สุดของงานนี้คือความร้อนนั่นเอง และเปิดงานนี้ด้วยแก้วไม้ที่แปดของเรา

IMG_3987

ในขณะที่แก้วออกวิ่งเราก็เข้ารับอาหารเที่ยง (คราวนี้ไม่พลาด) และทุก ๆ คนพยายามกินไปก่อนเท่าที่ทำได้ ในขณะที่หมอนกเลือกที่จะเปลี่ยนชุดรอการกลับมาวิ่งในผลัดที่เก้าต่อไป ท่ามกลางไอแดดที่ตอนนี้ร้อนระอุแล้ว หมอนกเตรียมรับมือไอแดดนี้ด้วยชุดวิ่งใหม่ทั้งชุดเริ่มจากหมวกมีหางคลุมต้นคอ เสื้อแขนยาวกันรังสียูวี และกางเกงวิ่งขายาว ผมยังไม่เคยเห็นหมอนกใส่แว่นกันแดด งานนี้ก็ยังคงไม่เห็น เที่ยง ๆ แบบนี้ยังไม่ใช้ ชาตินี้ผมคิดว่าคงไม่ได้เห็นแล้วล่ะ เมื่อแปดไม้แรกผ่านไปเราทำเวลาได้ดีกว่าที่อำนวยคำนวณเอาไว้เกือบ ๆ ครึ่งชั่วโมง ทีมเราเริ่มมีความสุขขึ้นเพราะเวลาสองทุ่มที่เราคำนวณได้นั้น จะเกินเวลาที่ผู้จัดกำหนดไว้คือ หนึ่งชั่วโมงภายหลังพระอาทิตย์ตก ถ้าเราสมมุติง่าย ๆ พระอาทิตย์ขึ้นและตกที่หกโมง เราต้องวิ่งเข้าเส้นไม่เกินหนึ่งทุ่ม ดังนั้นการที่หมอนกเริ่มวิ่งที่เวลาเร็วกว่ากำหนดเกือบครึ่งชั่วโมงจึงเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับทีมเรา หมอนกเริ่มต้นวิ่งแล้ว เราหยุดให้น้ำที่ระยะ 2.5Km ตามปกติ แต่หมอนกเรียกร้องทันทีที่จุดแรก “ร้อนมาก ขอระยะให้น้ำสั้นกว่านี้”

ความตื่นเต้นกลับมาสู่รถทีมอย่างรวดเร็ว ความร้อนซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญของงานนี้ เป็นปีศาจร้ายที่รบกวนใจทุก ๆ คนในทีม ทุกคน ๆ ในทีมมีการเตรียมการมาอย่างพิเศษเพื่อต่อกรกับแดดริมทะเล เวลาเที่ยงวันอย่างนี้ แม้กระทั่งหมอนกที่ใช้ความก้าวหน้าของอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดในทีม ยังเริ่มบ่นอุบเช่นนี้ ย่อมทำให้คนอื่น ๆ ที่มีการลงทุนไม่พร้อมเทียบเท่าเริ่มเหงื่อตกไปตาม ๆ กัน เราตัดสินใจให้น้ำทุก ๆ 2Km แทนซึ่งจะทำให้ในช่วงที่สองนี้ ทุก ๆ คนน่าจะได้รับน้ำประมาณสามจุดในระยะทาง 6-7Km โดยประมาณ แต่ ณ เวลานี้ ณัฐเริ่มเครียดมากที่สุดเพราะผลัดของณัฐจะต้องวิ่งไกลกว่า 9Km แต่ความเครียดนี้ก็ลดลงเมื่อมาถึงจุดเปลี่ยนผลัดแล้วพบว่าจริง ๆ แล้วระยะวิ่งลดลงเหลือเพียง 7Km เท่านั้น ณัฐใช้หมวกปีกใบใหญ่พร้อมแว่นตาดำสนิท เข้าต่อสู้กับแดดร้อนแรง มองดูแล้วคล้าย ๆ กับนายอำเภอวิ่งตรวจงาน หมอนก และณัฐช่วยวิ่งเก็บทีมอื่น ๆ ที่วิ่งคู่กับเรามาได้อีก 2-3 ทีม แต่ทีม 88 กลับวิ่งแซงเรากลับมาได้ ซึ่งเราต้องพึ่งให้ตุ๊ตามเก็บให้เราอีกครั้ง อำนวยมาพร้อมกับชุดมนุษย์อวกาศเพื่อต่อสู้กับความร้อนที่ใคร ๆ เห็นเป็นต้องตะลึง งานนี้คนที่บ่นมากที่สุดเกี่ยวกับแดด เห็นจะเป็นอำนวยแต่ดูเหมือนว่าแดดนั้นไม่ทำให้อำนวยช้าลงได้เลย ไม่มีใครตื่นเด้นกับชุดกันแดดของโด่งอีกแล้ว เพราะมาเหมือนชุดแรงแต่สีรุนแรงกว่าเดิมเล็กน้อย ส่วนผมเองไม่ได้เตรียมอะไรเป็นพิเศษ และก็ต้องยอมรับว่างานนี้ร้อนจริง ๆ จัง ๆ ก่อนที่จะมาผลัดให้แก้วรับไม้สุดท้ายของรอบที่สองแบบที่ไม่ได้เย็นลงมากนัก งานนี้ดูเหมือนว่าแก้วรับงานหนักที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว

IMG_3913

ไม้สุดท้ายของทุก ๆ คนดูเหมือนจะดีกว่าที่เราฝันไว้มากนัก เมื่อมีแววของเมฆฝน แต่ดูไม่เหมือนฝนจะตก ถึงขนาดว่าหมอนกจบผลัดสุดท้ายของหมอด้วยคำปิดท้ายที่ว่า “วิ่งสบายมากเลย ไม่ร้อน ลมเย็น” เราจึงดูท่ามีความสุขกันเป็นอย่างมาก มีแต่ตุ๊เท่านั้นที่ดูกังวลว่าฝนอาจจะตกได้ ไม้ที่สองและสามผ่านไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งมีโทรศัพย์จากกองเชียร์ของเราที่ประกอบไปด้วยเชอร์รี่ ภรรยาของผม แอม ภรรยาของโด่ง และลูก ๆ ของเราอีกสามตัวน้อย ๆ กำลังประสบปัญหาเครื่องยนต์มีปัญหาระหว่างขับตามมาพบเราที่เส้นชัย เมื่อเขาพบว่ามีควันออกมาจากช่องแอร์ และมียางแบนเกิดขึ้น สาว ๆ ไม่สามารถเปลี่ยนยางได้ และเรากำลังจะต้องขับรถไปส่งนักวิ่งอีกหลายผลัด เราคิดกันหลายตลบว่าจะทำอย่างไรกันดี ความพยายามทั้งวันจะต้องสิ้นสุดตอนนี้แล้วหรือ แต่โชคดีที่เราพบกับตำรวจที่มาช่วยอำนวยความสะดวกในการแข่งขัน จึงเข้าไปขอความช่วยเหลือ และตำรวจก็ได้ส่งทีมเข้าไปตรวจช่วยเหลือพร้อมกับออกรถเพื่อไปสังเกตุการอีกแรง เมื่อเราสบายใจขึ้นเราจึงรีบบึ่งรถตามอำนวยไม้ที่กำลังออกวิ่งอยู่ในขณะนี้ แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่น่าจดจำเล็กน้อยเมื่อเราแอบเห็นคู่แข่งอีกทีมของเราวิ่งไปผิดทาง นักวิ่งชาวมาเลย์หันมาบอกเราว่า รถทีมของเขาเลยไปไกลแล้ว เราจึงอาสาขับรถไปตามให้ขณะที่นักวิ่งย้อนกลับไปวิ่งบนเส้นทางที่ถูกต้อง อำนวยแอบดีใจเล็กน้อยที่มีโอกาสได้แซงทีมนี้ที่หนีเรามาเป็นระยะเวลานานมากแล้ว เราขับรถตามหารถทีมของคู่แข่งจนเลยมาถึงถนนใหญ่ จึงเข้าใจได้ทันทีว่าเป็นไปไม่ได้เสียแล้วรถทีมเขาไม่ได้มาทางนี้เป็นแน่ เมื่อย้อนกลับไปเพื่อจะเปลี่ยนผลัดกับอำนวย ก็พบอำนวยยืนรอ ณ จุดเปลี่ยนผลัดนานกว่าห้านาทีแล้ว เรารีบเปลี่ยนผลัดทันที มารู้ทีหลังว่ารถทีมของชาวมาเลย์มารออยู่ก่อนแล้ว และทีมนั้นก็ทิ้งห่างเราออกไปอย่างน้อยอีกห้านาทีเช่นเคย ช่วงทางวิ่งนี้เป็นช่วงวิ่งที่มีความสวยงามมากที่สุดช่วงหนึ่ง ในป่ายางที่ไม่รกทึบมากเกินไปนัก ต้นยางสองข้างถนนโอนเอนเข้าหากันเกิดเป็นโพรงกว้าง ๆ ให้ร่มเงาร่มรื่น พร้อมกับทิวทัศน์อันแปลกตา ฝนเริ่มโปรยลงมาเมื่อถึงผลัดของโด่ง และหนักขึ้นมากในผลัดของผมเอง ในเวลานี้ ทีมกองเชียร์ขับรถผ่านมาแซงผมพร้อมโบกมือให้ ผมเห็นรถตำรวจขับนำราวกับว่าเป็นวีไอพี ก็อดยิ้มไม่ได้ แม้ว่าจะกังวลว่าจริง ๆ แล้วรถของผมมีปัญหาอะไร ผมเปลี่ยนไม้สุดท้ายให้กับแก้ว แล้วเราก็บึ่งรถมารอที่ตำแหน่ง 1 กิโลเมตรสุดท้าย ฝนยังคงโปรยปรายอยู่เล็กน้อย พระอาทิตย์ตก ฟ้ามืดครึ้มไปนานแล้ว แต่ทุก ๆ คนกำลังมีความสุขกับความคิดที่ว่า 140 กว่ากิโลเมตรกำลังจะจบลงแล้วด้วยความสุขสนุกสนานอย่างหาที่เปรียบได้ยาก เราทุกคนเปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อทีมที่จัดทำเพื่อนำเงินสมทบทุนในการช่วยเหลือทหารในสามจังหวัดชายแดนใต้ เราวิ่งร่วมกันไปในกิโลเมตรสุดท้ายอย่างช้า ๆ แก้วเหนื่อยมากแล้ว และทุก ๆ คนก็คอยให้กำลังใจ มันช่างเป็นกิโลเมตรที่อิ่มเอิบ ยาวนาน และมีความสุขที่สุดในชีวิตการวิ่งของผม การวิ่งเข้าเส้นขัยพร้อม ๆ กันของทีมแปดคนที่ร่วมฝ่าฟันกันมาทั้งวัน เส้นชัยอยู่ที่ริมทะเล ภายในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา

L1010416

เราข้ามจากมหาสมุทรด้านตะวันออกของประเทศไปยังอีกมหาสมุทรในฝั่งตะวันตกของประเทศ จากหกโมงเช้าไปจนถึงเวลาหนึ่งทุ่มตรง บนพลังของสองขาของเราทั้งแปดคน ท่ามกลางแดดอันร้อนระอุ พายุฝนเขตร้อนโหมกระหน่ำ ผมยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าเราทำมันเพื่ออะไร แต่ผมมั่นใจว่าเราทุก ๆ คนจะไม่มีวันลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ความทรงจำดี ๆ เช่นนี้จะอยุ่กับเราตลอดไป จนกว่าอย่างน้อยจะถูกเทียบเคียงด้วยประสบการณ์ในปีต่อ ๆ ไป ถ้าเราจะยังอยากที่จะสัมผัสอารมณ์แบบนี้กันอีกครั้ง Fantastic 8 ระหว่างนี้ใครต้องการชมบันทึกความประทับใจโด่งได้จัดไว้ให้แล้วที่นี่

IMG_3951