การพัฒนาของสมาร์ทโฟนค่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากแอ๊ปเปิ้ล ไม่ว่าจะเป็นซัมซุง HTC Nokia รวมไปถึงระบบปฏิบัติการต่าง ๆ และการจากไปของสตีฟ จ๊อปที่ทำให้รังสีของแอ๊ปเปิ้ลถดถอยลง การเปรียบเทียบ การแข่งขันมันดูเหมือนรุนแรงขึ้น มีการผลัดกันนำ แซงในความสามารถของมือถือรุ่นใหม่ ๆ ที่เอามาชนกันได้อย่างสนุกสนาน แต่ในรายชื่อผู้เล่นทั้งหมด มีเพียงแอ๊ปเปิ้ล และซัมซุงเท่านั้น (รีวิวเปรียบเทียบ iPhone 5 และ Galaxy S4) ที่มีอุปกรณ์อิเลคโทรนิคประเภทอื่น ๆ ในท้องตลาด แต่มีเพียงแอ๊ปเปิ้ลเท่านั้นที่มีระบบนิเวศน์ทางอิเลคโทรนิคที่สมบูรณ์แบบ แม้ว่าผมจะไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสกับซัมซุงมาก่อน ผมมั่นใจว่าระบบของแอ๊ปเปิ้ลสมบูรณ์แบบที่สุด และยังคงเป็นผู้นำอยู่โดยตลอด
ผมเปลี่ยนค่ายมาอยู่แอ๊ปเปิ้ลได้ไม่นานมากนัก และเปลี่ยนในช่วงที่ระบบนิเวศน์ทางอิเลคโทรนิคที่ผมพูดถึงนี้กำลังเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง แม้ว่าในอดีตจะมีประสบการณ์กับเครื่องแอ๊ปเปิ้ล IIe แต่ด้วยราคาที่ต่างกันลิบลิ่ว การกลับมาของ iMac สีลูกกวาดก็ทำให้ผมได้แต่นั่งมอง ผมเริ่มด้วย iPod Video 60GB เพื่อตอบโจทย์แผ่นซีดีสะสมจำนวนมากของผม และหลายปีให้หลังผมจึงถอย iPod touch รุ่นแรก ๆ เพราะความสามารถในการเข้าถึง Internet ของมัน และผมค่อย ๆ ปล่อยตัวเองเข้าสู่ระบบนิเวศน์ทางอิเลคโทรนิคที่จ๊อปได้สร้างขึ้น แต่ภาพดังกล่าวยังไม่ชัดเจนจนกระทั่งผมสามารถสะสมเงินจนซื้อ iMac เครื่องแรกของผมได้ เพราะในระบบยุคแรก ระบบนิเวศน์นี้ยังต้องอาศัยตัวกลางที่เป็น Digital Hub ในปัจจุบัน ผมเห็นความพยายามที่จะลดความเป็น digital hub ของอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง แต่ผมยังคิดว่าเวลานั้นยังไม่มาถึง (iPod TV Ad)
ที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นบรรยากาศในระบบนิเวศน์ทางอิเลคโทรนิคที่สร้างไว้โดยแอ๊ปเปิ้ล โครงสร้างที่มีแต่จะเสริมให้ผู้ใช้ได้ประโยชน์มีเพิ่มอุปกรณ์เข้าในระบบ และโครงสร้างที่จะทำให้ผู้ใช้ถูกกักขังของในระบบที่ตนเองได้สร้างขึ้นจนการเปลี่ยนแปลงระบบนั้น มีค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่าที่จะยอมรับได้ แน่นอนว่าคุณเองสามารถสร้างบรรยากาศเช่นนี้ได้โดยใช้อุปกรณ์จากค่ายต่าง ๆ หลากหลายค่าย แต่ความสะดวกแบบแอ๊ปเปิ้ลนั้นคุณจะไม่มีวันได้สัมผัส และเมื่อมูลค่าของเวลาคุณสูงเพียงพอ การลงทุนในระบบแอ๊ปเปิ้ลจึงเป็นการลงทุนที่สมเหตุสมผลมากขึ้นตามลำดับ
สิ่งที่ถือว่าเป็นหัวใจของระบบนี้ แม้ว่าจะเป็นอุปกรณ์แอ๊ปเปิ้ลชิ้นสุดท้ายที่ผมเพิ่มเข้ามาในชีวิตผมนั่นคือ iPhone สิ่งนี้คือที่แอ๊ปเปิ้ลเรียกมันว่า Contact มันเป็นรายชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพย์ที่ผมสะสมมาตลอดทั้งชีวิตของผม ข้อมูลนี้เคยอยู่ในโปรแกรมที่ชื่อว่า Lotus Organizer ที่ผมต้องคอยย้ายไปเรื่อย ๆ ตามความเปลี่ยนแปลงของระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อบริษัท Lotus ปิดตัวลงข้อมูลของผมก็รอวันหมดอายุ แต่ตัวช่วยตัวใหม่ Microsoft Outlook ก็มาทดแทน แต่โปรแกรมเหล่านี้เป็นเพียงที่เก็บข้อมูลฉุกเฉิน มีไว้สำหรับค้นข้อมูลเมื่อจำเป็นเท่านั้น ชีวิตที่มีข้อมูลอยู่ในมือเหมือนกับปัจจุบันนี้ยังห่างใกลจากความเป็นจริง แต่เมื่อโทรศัพย์มือถือกลายเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของคนยุคใหม่ การใช้ข้อมูลเบอร์โทรศัพย์บน Outlook กับสิ่งที่ทำได้บนโทรศัพย์ยังแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้น ผู้คนจำนวนมากเริ่มให้ความไว้วางใจกับระบบ contact บนมือถือจน เหตุการณ์มือถือหายพร้อมเบอร์ contact ทั้งหมด เป็นเรื่องปกติของคนยุคใหม่ ผมรอจนกระทั่งระบบมือถือสามารถเชื่อมต่อกับ Microsoft Outlook ได้จึงได้ซื้อ smartphone เครื่องแรก โดยเลือก HTC touch แทนที่จะเป็น iPhone 1 ที่เพิ่งออกใหม่ในตอนนั้น ชีวิตดูเหมือนกับง่ายขึ้นเป็นอย่างมากเมื่อในที่สุดเบอร์โทรศัพย์ ที่อยู่ และหลาย ๆ อย่างที่โทรศัพย์สมัยใหม่สามารถทำได้ แต่แล้ว iPod touch ก็ทำให้มุมมองของผมเปลี่ยนไป เทคโนโลยี user interface รูปลักษณ์ แอ๊ปเปิ้ลทำได้ดีกว่าอย่างเหนือชั้น ความสนใจในผลิตภัณฑ์แอ๊ปเปิ้ลของผมเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าเมื่อได้เป็นเจ้าของ iPod touch จนในที่สุดเมื่อ HTC ของผมเริ่มหมดสภาพ ผมจึงเลือกที่จะพก iPod touch คู่กับ Nokia รุ่นถูกที่สุดแทน (iPod Touch TV Ad)
ในวันที่ iMac เครื่องแรกมาวางบนโต๊ะทำงานของผมทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เป็นครั้งแรกที่ iPod ทั้งสองเครื่องของผมจะได้ทำงานกับระบบ native อย่าง iMac ข้อมูลบน iPod touch ของผมได้ถูกป้องกันไว้อย่างดีบน iMac ซึ่งสามารถกู้ทุกอย่างได้แม้ว่าผมจะต้องทดแทน iPod touch มาแล้วถึง 3 เครื่องด้วยกัน และแล้วสิ่งที่เรียกว่าระบบนิเวศน์ทางอิเลคโทรนิคเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเมื่อจ๊อปแนะนำสิ่งที่เรียกว่า Home Sharing ขึ้นในระบบ ระบบ Home Sharing ทำให้ iPod สามารถเล่นเพลงที่เก็บไว้บนเครื่อง iMac ได้เมื่ออยู่ในระบบ network เดียวกัน ความจุ 8GB ของ iPod touch ระเบิดขึ้นเป็น 1TB ตามขนาดของ iMac ทันที ผมสามารถเล่นเพลงทุกเพลงที่ผมมีจากเครื่องเล็ก ๆ ของผมได้ทุกที่ในบ้าน ผมเริ่มย้ายการทำงานบนฝั่งวินโดส์ของผมข้ามมาฝั่ง Mac มากขึ้นเรื่อย ๆ Home Sharing ได้ถูกขยายความสามารถเพิ่มขึ้นเมื่อผมได้ติดตั้ง Airport Express หรือ wireless router ที่มี Audio Output ผมติดตั้ง AE ในห้องนอนและต่อเข้ากับวิทยุเครื่องเก่า เมื่อใช้ร่วมกับ app ฟรีที่ชื่อว่า Remote ผมสามารถใช้ iPod touch ทำหน้าที่เหมือน remote control ที่จะเปิดเพลงบน iMac ผ่านระบบ Home Sharing และส่งสัญญาณมาออกที่ AE ที่ห้องนอนของผมเพื่อเล่นเพลงออกบนวิทยุของผมได้ผ่านระบบที่จ๊อปเรียกว่า Airplay ซึ่งผมใช้งานระบบที่ว่านี้เป็นประจำทุกวัน
ในขณะเดียวกับการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาเครื่องใหม่ที่เป็น Macbook Air ตัวแรกของผมที่ได้มาพร้อม ๆ กับการเปิดตัวของบริการที่เรียกว่า iCloud เครื่องคอมพิวเตอร์พกพานับว่าเป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับอาชีพอาจารย์อย่างผม เมื่อเนื้อหาการสอนหรืองานพรีเซนต์เป็นส่วนสำคัญของอาชีพ ปัญหาการจัดการไฟล์ต่าง ๆ บนเครื่อง desktop และเครื่อง notebook เป็นปัญหาโลกแตกถึงขนาดที่ผมจำใจที่จะใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ Notebook เพียงตัวเดียวเพื่อที่จะแก้ปัญหานี้ โดยต้องยอมทนทำงานทุกอย่างบนหน้าจอขนาดเล็กกว่าที่ควรจะเป็น แต่เมื่อมีบริการ iCloud เหตุผลในการมีเครื่องคอมพิวเตอร์พกพาที่เป็น Mac ก็ดูสมเหตุผลมากขึ้น บริการ iCloud ในเริ่มแรกนี้เชื่อมโยง app พื้นฐานอย่าง Contact Calendar Note และอื่น ๆ เข้าด้วยกันโดยเชื่อมเข้ากับศูนย์ข้อมูลกลางที่เรียกมันว่า Cloud AppleID ที่เคยใช้สำหรับการลงทะเบียนเครื่อง สมาชิก iTunes Home Sharing ตอนนี้ก็ใช้สำหรับบริการ iClound เพิ่มขึ้น Macbook Air ของผมจึงมีเพียงโปรแกรมพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้งานเมื่อเดินทาง ในขณะที่ข้อมูลทั้งหมดจะเชื่อมต่อกันอยู่บน Cloud ดังนั้นไม่ว่าผมจะทำงานบนเครื่องไหนผมก็จะมีไฟล์งานที่ใหม่ล่าสุดอยู่พร้อมเสมอ แม้ว่า iCloud จะยังไม่รับรองโปรแกรมหลาย ๆ โปรแกรม แต่บริการ Cloud Service อย่าง Dropbox ก็ทำให้การทำงานแบบนี้เป็นเรื่องง่าย และเมื่อผมจำเป็นต้องเปลี่ยน router ตัวใหม่ไปเป็น Time Capsule ที่ทำงานเป็นทั้ง router และ NAS ข้อมูลของผมทั้งหมดก็ถูกปกป้อง 100% เพราะงานหลักของ NAS ตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับโปรแกรมที่เรียกว่า Time Machine ที่แถมมาพร้อมกับ OSX ทุกเครื่อง iMac ที่ต่ออยู่กับ Time Capsule ตัวนี้จะถูก Backup ไว้อัตโนมัติการกู้ไฟล์เป็นเรื่องง่ายแสนง่ายเหมือนกับชื่อที่เขาตั้งไว้ ในขณะเดียวกันระบบที่มาใหม่ใน OSX ที่เรียกว่า Version ทำให้ความเสียหายของข้อมูลเนื่องจากลืมกด Save กลายเป็นอดีตไปในทันที ยิ่งไปกว่านี้ Macbook Air ของผมก็ถูก Backup ผ่าน Time Machine เครื่องเดียวกันผ่าน Wifi โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม แน่นอนว่าการติดตั้งระบบใหม่ภายหลังที่ Macbook Air เครื่องแรกของผมถูกขโมยไป สามารถทำได้ภายในเสี้ยววินาที ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมเป๊ะรวมถึงไฟล์ต่าง ๆ ที่วางไว้บน desktop แม้เครื่อง iMac ของผมจะไม่เคยเสีย แต่บริการ Time machine ก็เคยช่วยชีวิตผมมาแล้วเมื่อการอัปเกรด Vmware เกิดปัญหาทำให้ partition ฝั่งวินโดส์ทั้งหมดไม่สามารถเข้าถึงได้ นั่นเป็นความเสียหายใหญ่หลวงที่ถ้าเกิดขึ้นกับระบบวินโดส์ในยุคก่อน นี่คือเวลาที่ต้องฆ่าตัวตายเพียงอย่างเดียว แต่ด้วย Time machine ผมแค่ย้อนเวลากลับไปก่อนการอัปเกรดทุกอย่างก็เรียบร้อย
ความสนุกของระบบนิเวศน์ทางอิเลคโทรนิคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผมตัดสินใจที่จะฝากลูกศิษย์ของผมหิ้ว AppleTV กลับมาจากญี่ปุ่น เมื่อจดทะเบียน AppleID ใหม่โดยใช้ที่อยู่ประเทศอเมริกาทำให้สามารพใช้งาน AppleTV ในอย่างเต็มประสิทธิภาพที่เมืองไทย นั่นหมายถึงการเช่า/ซื้อ หนังหรือรายการทีวีได้เหมือนกับอยู่อเมริกา เพียงแค่ใช้บัตรเติมเงินที่เรียกว่า iTunes Card ที่หาซื้อได้ทั่วไปตามร้าน Apple Store ของต่างประเทศที่มีการขาย Apple TV เมื่อ AppleTV ต่อกับ TV ที่มีอยู่จะสามารถคุยกับ iMac ผ่าน Home Sharing เพื่อที่จะนำหนังต่าง ๆ ที่มีอยู่บน iMac ออก TV ได้ ผมจึงเริ่ม rip แผ่นหนังที่มีอยู่ลง iMac เรื่อย ๆ ตั้งแต่วันนั้น เครื่องเล่นดีวีดีที่เริ่มหมดอายุก็ถูกปลดระวางอย่างถาวร นอกจากนี้ผมยังสามารถเปิดรูปที่อยู่ในโปรแกรม iPhoto หรือ Aperture บน iMac ให้ออก TV ได้ ซึ่งหมายถึงการแชร์รูปให้เพื่อน ๆ ดูได้โดยไม่ต้องลากตัวเข้าไปที่ห้องทำงาน รวมไปถึงโปรแกรมต่าง ๆ ที่มีใน AppleTV ก็ทำให้ TV ธรรมดากลายเป็น Internet TV ไปทันทีก่อนที่จะมี Internet TV ขายในท้องตลาด นั่นหมายถึงบริการต่าง ๆ ที่ทางแอ๊ปเปิ้ลจัดให้ ไม่ว่าจะเป็น Youtube หรือ Vimeo จะเห็นว่าทางแอ๊ปเปิ้ลไม่ได้จัดให้มีการใช้ browser ผ่าน AppleTV ซึ่งผมเห็นด้วยเพราะจากประสบการณ์ Jailbreak เพื่อลองใช้พบว่ามันไม่สนุกเอาเสียเลย และเมื่อการใช้ remote ในการเล่น Youtube บน TV เป็นเรื่องลำบาก เพราะการพิมพ์และค้นหา Youtube ด้วย remote control ตัวเล็ก ๆ มันยุ่งยาก ผมก็ยังสามารถยิงทุกอย่างที่ต้องการออก TV ได้ผ่านระบบ Airplay ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอของ Macbook Air หรือ Youtube จาก iPod touch ที่ทำการค้นหาและควบคุมได้ง่ายกว่า ผมนั่งดู Tour de France ในปีที่ผ่านมาด้วยระบบยิงจาก TV app บน iPod touch ยิงผ่าน AppleTV ไปออกบนทีวีมาแล้วทั้งการแข่งขัน รวมไปถึงการถ่ายทอด Ironman World Championship ผ่าน Youtube เต็ม ๆ ชั่วโมงอีกด้วย (Airplay TV Ad)
ระบบนิเวศน์นี้ดึงผมเข้าไปลึกมากขึ้น และเมื่อเทคโนโลยีของ iPad เริ่มสเถียรผมจึงจัดหา iPad 2 เข้ามาในระบบอีกสองเครื่องเป็นของผมกับภรรยา เครื่องแรกเป็นของขวัญวันเกิดจากแม่ผมเอง และอีกเครื่องผมจัดให้ภรรยา ในขณะที่ผมพยายามนำมาหาศักยภาพของการใช้เป็นเครื่องมือการสอน หนังสือและแมกกาซีนอิเลคโทรนิก ภรรยาผมใช้มันเป็น Internet Portal (iPad TV Ad) แน่นอนว่าอุปกรณ์ทุกอย่างถูก Backup ลงบน iMac ซึ่งเคยถูกฟื้นชีพมาหลายครั้งจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ iPad 2 ของเราถึงสองสามครา ยิ่งไปกว่านั้นการ Backup นี้เกิดขึ้นอัตโนมัติผ่าน Wifi เมื่อมีการ charge เครื่องโดยไม่จำเป็นต้องนำไปต่อเข้ากับ iMac เครื่องแม่เลย เมื่ออุปกรณ์เริ่มหลากหลายขึ้น และมีผู้ใช้ในระบบเพิ่มขึ้นในบ้านผมทำให้ผมต้องตัดสินใจอีกครั้ง ผมเลือกที่จะใช้ AppleID สองบัญชีเหมือนเดิมคือบัญชีประเทศไทย และบัญชีอเมริกาโดยให้บัญชีประเทศไทยเป็นตัวแม่ และผมกับภรรยาใช้บัญชีร่วมกัน ซึ่งทางแอ๊ปเปิ้ลอนุญาติให้หนึ่ง AppleID รองรับอุปกรณ์ได้จำนวนมากกว่าที่เงินของผมจะจัดหาได้เกินข้อจำกัดนี้ และมูลค่าเพิ่มของ AppleID นี้ก็มีมูลค่าสูงขึ้นเมื่อระบบ app store อนุญาติให้ app ทุกตัวที่ซื้อผ่าน app store สามารถลงในอุปกรณ์ทุก ๆ ตัวที่ใช้ appleID เดียวกันได้ และในอุปกรณ์ตัวเดียวกันยังสามารถสลับ AppleID ไปมาได้อย่างไม่จำกัด ดังนั้นในเวลานี้ผมจึงสามารถซื้อ app ใด ๆ แล้วลงในเครื่องใด ๆ ของผมที่มีก็ได้ ลบเมื่อไร จะลงใหม่เมื่อไรก็ได้ผ่านระบบ Cloud ที่จัดตั้งไว้ เมื่อรวมกับอุปกรณ์ของน้องชายของผมแล้ว การซื้อ app แล้วแบ่งกันใช้มันคุ้มค่ามากจริง ๆ
การตัดสินใจใช้ appleID เดียวกันของผมกับภรรยา ทำให้ผมจัดการระบบ IT ภายในบ้านง่ายขึ้น นอกจากนี้ผมยังใช้บริการ iCloud ของ Contact Calender Notes ร่วมกันในทุก ๆ อุปกรณ์ ทำให้เรามีข้อมูลนี้เพียงชุดเดียวเป็นของครอบครัว ผมสามารถค้นหาเบอร์ของเพื่อนภรรยา หรือภรรยาสามารถค้นหาเบอร์บริษัทที่ผมต้องการติดต่อให้ผมได้ รวมไปถึงตารางเวลาการทำงานของเราทั้งสองคนก็ใช้ร่วมกัน ไม่ว่าใครถืออุปกรณ์ตัวไหนอยู่เราก็ค้นได้ทั้งสิ้น สุดท้ายบริการที่เราใช้งานบ่อยที่สุดแต่มีการกล่าวถึงน้อยที่สุดก็คือ Photostream ซึ่งเป็นการนำรูปที่เราถ่ายในอุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นในระบบ Cloud ทั้งจากการถ่ายรูปด้วยอุปกรณ์ และจากการนำรูปเข้าโปรแกรมจัดการรูปอย่าง iPhoto หรือ Aperture นั่นหมายความว่าไม่ว่าผมหรือภรรยาจะถ่ายรูปที่ไหน เมื่อไร ด้วยเครื่องมือใด ๆ ก็ตาม ในทุก ๆ อุปกรณ์ของเราจะมีรูปภาพเหล่านั้น 1000 รูปสุดท้ายรอให้เราได้ใช้อยู่เสมอ ซึ่งการใช้งานของภรรยาของผมมักจะเป็นการนำไปโพสบน Facebook โดยใช้รูปที่อาจจะถ่ายมาจากกล้องไลก้าของผม หรือ iPod ผ่านจาก iPad ของภรรยาที่เป็นเครื่องมือหลักของเขา ผมเองก็มักจะนำรูปใน Photostream เหล่านี้ที่ผมไม่ได้เป็นคนถ่ายเอง ซึ่งอาจจะมาจากการถ่ายรูปด้วย iPad ของภรรยาขณะที่เลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน มาใส่ใน Instagram app หลักที่ผมชอบใช้ในการแชร์รูปภาพ บริการดังกล่าวนี้ทำให้รู้สึกว่าการถ่ายรูปเป็นเรื่องสนุกสนาน และการส่งผ่านข้อมูลภายในครอบครัวเป็นสิ่งที่ Seamless มากขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่มีคำว่ารูปในกล้องเธอ รูปในกล้องฉัน มีเพียงแต่รูปที่ถ่ายเมื่อไรเพียงเท่านั้น
และเมื่อถึงเวลาที่ผมต้องจัดหาโทรศัพย์มือถือเครื่องใหม่ ผมจึงไม่ลังเลที่จะเลือกใช้ iPhone ซึ่งในเวลานั้นอยู่ในรุ่น iPhone 4s นับว่าผมไม่ได้เป็น early adopter แต่อย่างใดเพราะในทุก ๆ อุปกรณ์ที่ผมเลือกใช้ ผมได้รอให้การพัฒนาของอุปกรณ์ดังกล่าวอยู่ในระดับที่เริ่มคงตัวแล้วทั้งนั้น ในปัจจุบันผมจึงมีอุปกรณ์ Apple ที่หลากหลายพอสมควร แม้ว่าจะไม่ได้จัดหาเมื่อออกใหม่ล่าสุด และไม่ได้มีการอัปเกรดตามเลยก็ตาม แต่เมื่อใครได้เห็นระบบนิเวศน์ของผมแล้วก็อดที่จะนึกไม่ได้ว่าผมเป็นสาวกตัวยงของสตีฟ จ๊อป การมี iPhone 4s ทำให้ผมถลำลึกลงไปในระบบนิเวศน์นี้อย่างยากที่จะถอนตัวได้ มือถือที่ติดตัวอยู่ตลอดเวลา สามารถค้นหาทุกอย่างบนอินเตอร์เนทได้ มีระบบ Cloud ที่ดูแล Contact Calendar Notes ที่แชร์ร่วมกับครอบครัว ผ่านอุปกรณ์อื่น ๆ ที่มี ระบบ Backup ทำให้มั่นใจว่านอกจากข้อมูลบน Cloud จะปลอดภัย 100% แล้วข้อมูลที่เก็บไว้ในอุปกรณ์ชิ้นต่าง ๆ ก็จะยังถูกเก็บไว้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งการปกป้องอีกชั้นด้วย Time Machine app ทุกอย่างที่มีสามารถแชร์ไดักับทุกอุปกรณ์ที่มีทั้งในอดีตและอนาคต รูปถ่ายทั้งหมดของครอบครัวไม่ว่าจะถ่ายด้วยวิธีใดก็ตามจะถูกเก็บบน iMac และแชร์ผ่าน Cloud ที่ใครในครอบครัวสามารถเข้ามาหยิบใช้ได้โดยอัตโนมัติ ผ่านทุกอุปกรณ์ที่มี ระบบนี้ทำให้ค่าใช้จ่ายในการออกจากระบบมันแพงมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่า Sumsung หรือ Nokia จะมาด้วยมุขใด ๆ คงยากที่จะทะลวงเข้าสู่ระบบนิเวศน์ที่ผมเป็นอยู่ได้แล้ว ผมไม่สามารถนึกภาพได้อีกแล้วว่า Contact ของผมจะไม่ถูกปรับปรุงไปทุก ๆ อุปกรณ์เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่อุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง การ Backup ข้อมูลและโปรแกรม app ที่สะสมไว้ ความสามารถในการใช้เป็น Remote ในการเล่น Airplay บังคับ AppleTV นี่ละมั้งที่เรียกว่าสาวก ผมคิดว่าไม่ว่าใครก็ตามถ้าคิดจะ penetrate เข้าสู่ The Matrix ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันที่ features ที่ดูแล้วก็เป็นเพียงของเล่นอวดสาวเท่านั้นเอง
รู้ละว่าถ้ามีปัญหาใช้งานจะถามใคร
Ask me.